สิงคโปร์อึ้ง! คนแห่บริจาคเงินช่วย น้องธันย์ รถไฟฟ้าทับขา

สิงคโปร์อึ้ง! คนแห่บริจาคเงินช่วย น้องธันย์ รถไฟฟ้าทับขา

สิงคโปร์อึ้ง! คนแห่บริจาคเงินช่วย น้องธันย์ รถไฟฟ้าทับขา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรณี ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ น้องธันย์ อายุ 14 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับขาขาดสองข้าง ระหว่างเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ เคมบริดจ์ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 1 เดือน

ล่าสุด มีการไต่สวนในกรณีครอบครัว ด.ญ.ณิชชารีย์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อบริษัทตัวแทนดำเนินกิจการรถไฟสิงคโปร์ (เอสเอ็มอาร์ที) โดย นายเฮนรี่ ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ชาวสิงคโปร์ได้ร่วมใจบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ประสบชะตาบาดเจ็บ หลังจากตกรางรถไฟ โดยมีธารน้ำใจจากชาวสิงคโปร์ที่มอบให้แก่เด็กหญิงชาวไทยเป็นจำนวน 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 240,000 บาท) ผ่านสถานทูตไทย เพียงไม่กี่วันหลังประสบอุบัติเหตุดังกล่าว และเดือนต่อมา เอสเอ็มอาร์ที ยังได้เสนอเงินบริจาคให้แก่ครอบครัวของ ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นจำนวน 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ด้วย (ราว 120,000 บาท) ซึ่งเงินดังกล่าวถูกบริจาคจากครอบครัว ด.ญ.ณิชชารีย์

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการของเอสเอ็มอาร์ทียังอ้างงว่า การบริจาคเงินดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเอสเอ็มอาร์ทียังไม่เคยปฎิบัติเช่นนี้กับบุคคลที่ต้องเสียชีวิตหรือบาดเจ็บหลังจากตกยังรางรถไฟ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดกรณีเกิดขึ้นซ้ำรอย และเราต้องการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการล่วงล้ำเส้นเตือนของรางรถไฟเพื่อหวังเงินบริจาค โดยบางคนอาจมองว่า การกระทำเช่นนั้นสามารถเรียกเงินช่วยเหลือจากเอสเอ็มอาร์ที ได้ และว่า บริษัทยังได้มองว่า กรณีของด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นกรณีพิเศษที่"น่าเห็นใจ"

นอกจากนี้ นายลิมกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ด.ญ.ณิชชารีย์ ได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนกว่า 4 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ (9.6 ล้านบาท)จากสภากาชาด และสถานทูตไทยในสิงคโปร์ไปแล้ว ขณะที่ระหว่างการไต่สวน นายโมฮัมหมัด ไฟซัล ซึ่งทำหน้าที่ขับรถไฟฟ้าที่ทับขาเด็กหญิงไทย เผยว่า เขาเห็นด.ญ.ณิชชารีย์ตกลงมายังรางรถไฟขณะที่รถไฟกำลังแล่นไปยังชานชลา"อึง โม เกา"และเขาได้แตะเบรคโดยทันที และเขาได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวให้แก่ศูนย์ควบคุมปฎิบัติการรถไฟโดยทันที นอกจากนี้ โชเฟอร์รถไฟฟ้ารายนี้บอกด้วยว่า เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ นับตั้งแต่ขับรถไฟฟ้ามาตลอด 16 ปีที่ผ่านมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook