ผลบอล : เซโก้ฮีโร่!ซัดชัยพาเรือใบแซงเฉือนไก่ 2-1
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
(0-1 สตีเว่น คอลเกอร์ น.21 ,1-1 เซร์คิโอ อกูเอวโร่ น.65 ,2-1 เอดิน เซโก้ น.88)
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
เป่านกหวีดเริ่มเกมเป็นทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน บุกจากซ้ายไปขวา เกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 11 "เรือใบสีฟ้า" มาได้โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกก่อนจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ดาบิด ซิลบา เปิดเข้าไปในเขตโทษ แกเร็ธ แบร์รี่ วิ่งเข้ามากะโฉบโหม่งที่เสาแรก เเต่ไม่โดน ก่อนที่ ซานโดร จะเตะเคลียร์ทิ้งออกไป
นาที14 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อได้ฟรีคิกระยะ 35 หลา หน้าเขตโทษทางซ้าย อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้าย แต่ แบร๊ด ฟรีเดล ยืนถูกตำแหน่งจึงรับเข้าซองไว้ได้
นาที 21 เป็นทางฝั่งทีมเยือน สเปอร์ส ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวา ทอม ฮัดเดิลสตัน เปิดบอลโค้งยาวมาที่หน้าประตู เข้าหัว สตีเว่น คอลเกอร์ โหม่งกดลงพื้น ไปโดนหน้าอก โจ ฮาร์ท ที่พยายามจะเซฟก่อนไหลเข้าประตูไป
นาที 24 สเปอร์ส เกือบได้ลูกที่สอง จากจังหวะสวนกลับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ได้บอลทางริมสนามฝั่งซ้าย และพาบอลลุยเข้ามาหน้ากรอบโทษ ก่อนตอกส้นให้ ทอม ฮัดเดิลสตัน กดด้วยขวาเต็มข้อ บอลไซด์เฉียดเสาออกหลังอย่างหวุดหวิด
นาที 35 เป็นโอกาสของ แมนฯ ซิตี้ บ้าง จากลูกโต้กลับเร็ว ยาย่า ตูเร่ ครองบอลอยู่กลางสนามก่อนจ่ายเรียดขึ้นมาทางซ้ายให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ จับหนึ่งจังหวะแล้วไหลต่อให้ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ได้ปั่นด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลโค้งผ่านหน้าปากประตูหลุดกรอบออกหลังไปอีก
นาที 42 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นอีกจากจังหวะที่ ยาย่า ตูเร่ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ดาบิด ซิลบา หลุดเดี่ยวขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนไหลเข้ากลางให้ คาร์ลอส เตเวซ วิ่งเข้ามายิงแบบไม่มีตัวประกบ เเต่ แบร๊ด ฟรีเดล ยังยืนตำแหน่งได้ดี ล้มตัวเซฟไว้ได้ติดมือ
ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก "เรือใบสีฟ้า" ได้โอกาสอีกครั้ง จาก ปาโบล ซาบาเลต้า ที่ได้ยิงในเขตโทษ เเต่ แบร๊ด ฟรีเดล ก็เซฟไว้ได้อีก ทำให้จบครึ่งแรก สเปอร์ส บุกไปนำ แมนฯ ซิตี้ อยู่ 1-0
เริ่มเกมในครึ่งหลังไปได้ 10 นาที แมนฯ ซิตี้ ที่พยายามเปิดเกมบุกกดดันมากขึ้น มาได้โอกาสลุ้นประตูแบบจะเเจ้งก่อนจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เปิดเข้าไปในเขตโทษ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี ได้โขก เเต่บอลโด่งข้ามคานออกหลังไป
และแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จ ในนาทีที่ 65 จากจังหวะที่ สตีเว่น คอลเกอร์ สกัดบอลไม่ดี มาเข้าทาง เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดเข้าไปกรอบเขตโทษทางขวา ก่อนล็อคบอลหลบแนวรับ สเปอร์ส หนึ่งจังหวะ แล้วเลือกแปเรียดด้วยซ้ายผ่านตัว แบร๊ด ฟรีเดล เข้าไปอย่างใจเย็น ให้ แมนฯ ซิตี้ ตามตีเสมอ 1-1
นาที 72 แมนฯ ซิตี้ มาได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ ดาบิด ซิลบา ไหลบอลเข้าไปในเขตโทษทางขวาให้ คาร์ลอส เตเวซ จับหนึ่งจังหวะก่อนซัดเรียดบอลผ่านหน้าปากประตูหลุดเสาสองออกหลังไปนิดเดียว นาทีต่อมา สเปอร์ส ได้เสียวบ้าง เมื่อ แกเร็ธ เบล มีโอกาสได้สับไกยิงเต็มข้อ ด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด แต่ โจ ฮาร์ท ยังเซฟช่วยเจ้าถิ่นไว้ได้
นาที 79 แมนฯ ซิตี้ เกือบได้ลูกที่สาม จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ดาบิด ซิลบา เปิดเข้ามาในเขตโทษไปเข้าหัว เอดิน เชโก้ ได้โขกเหน่งๆ บอลเฉียดเสาสองออกหลังไปนิดเดียว
นาที 83 "เรือใบสีฟ้า" ได้ลุ้นอีกจากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ รับบอลจากลูกทุ่มทางขวาก่อนตอกส้นให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ วิ่งมายิงเน้นๆ แต่ แบร็ด ฟรีเดล สุดเหนียวล้มตัวเซฟไว้ได้หวุดหวิด
นาที 88 แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูเเซงนำจนได้ เมื่อ เอดิน เชโก้ พาบอลมาจ่ายให้ ดาบิด ซิลบา ก่อน ซิลบา จะยกบอลข้ามแนวรับ สเปอร์ส มาให้ เอดิน เชโก้ หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนหมุนตัววอลเล่ย์ ด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ แสกหน้า แบร๊ด ฟรีเดล เข้าไปอย่างงดงาม ให้ ทีม "เรือใบ" แซงนำเป็น 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้เพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯ ซิตี้ จึงเปิดบ้านแซงเอาชนะ สเปอร์ส ไปอย่างสนุก 2-1 เก็บสามคะแนน แซง เชลซี ขึ้นมาจี้ แมนฯ ยูฯ 2 เเต้ม
---------------------------------------------------------------
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมที่ลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-3-3 โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู) - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, มาติย่า นาสตาซิช (ไมค่อน น.56), กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ - ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่ (ฆาบี้ การ์เซีย น.90), คาร์ลอส เตเวซ (เอดิน เชโก้ น.72)
---------------------------------------------------------------
สเปอร์ส : ระบบ 4-2-3-1 แบร๊ด ฟรีเดล (ผู้รักษาประตู) - ไคล์ วอล์คเกอร์ (ไมเคิ่ล ดอว์สัน น.77), วิลเลียม กัลลาส, สตีเว่น คอลเกอร์, ยาน แฟร์ทองเก้น - ซานโดร, ทอม ฮัดเดิลสตัน - อารอน เลนน่อน (ไคล์ นอห์ตัน 87), คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, แกเร็ธ เบล - เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (เจอร์เมน เดโฟ น.79)