ไทยลีก2013 ได้ฤกษ์หวด มี.ค.,วิชิตลั่นปีหน้าไม่กระทบฟีฟ่าเดย์

ไทยลีก2013 ได้ฤกษ์หวด มี.ค.,วิชิตลั่นปีหน้าไม่กระทบฟีฟ่าเดย์

ไทยลีก2013 ได้ฤกษ์หวด มี.ค.,วิชิตลั่นปีหน้าไม่กระทบฟีฟ่าเดย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

18 สโมสรไทยพรีเมียร์ลีกร่วมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาล 2013 ทีพีแอลกำหนดเปิดสนามต้นเดือนมีนาคมปีหน้า ดร.วิชิต ลั่นไม่กระทบฟีฟ่าเดย์แน่นอน ยันหากไทยได้โควต้าเอเอฟซีเพิ่ม 3 ทีมใหญ่ เมืองทองฯ บุรีรัมย์ และชลบุรี ไม่มีปัญหาคลับไลเซนซิ่งแน่

การประชุมเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2013 ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน เมื่อช่วง 13.30 น.ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) โดยมี ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีก เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วยตัวแทนจากทั้ง 18 สโมสรร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก

ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ได้เผยถึงภาพรวมของไทยพรีเมียร์ลีก 2012 ที่เพิ่งจบลงไปว่า "ถือเป็นฤดูกาลที่จบลงไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าได้รับความนิยมจากแฟนบอลเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยเกมที่ถือว่ามีแฟนบอลเข้าไปชมมากที่สุดเป็นสถิติของฤดูกาลคือเกมคู่ระหว่าง วัวชน ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ที่สนามติณสูลานนท์ ซึ่งมีแฟนบอลกว่า 31,200 คน

ส่วนสโมสรที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลมากที่สุดได้แก่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต่อเกมไม่ต่ำกว่า 15,320 คน และอีกหนึ่งทีมที่ต้องชื่นชมคือชลบุรี เอฟซี ที่เป็นทีมที่มีการฟาวล์น้อยที่สุด และไม่มีนักเตะได้รับใบแดงเลยในฤดูกาลที่ผ่านมา ถือเป็นทีมมารยาทยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ซึ่งทีพีแอลจะมีการมอบเงินรางวัลต่างๆ ในฤดูกาลที่แล้วในวันที่ 28 พ.ย.นี้"

สำหรับเนื้อหาสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้มีอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน ประกอบไปด้วย

1.เรื่องโปรแกรมการแข่งขัน ระยะเวลาเปิดปิดฤดูกาล
2.การจัดโปรแกรมการแข่งขัน
3.เรื่องคลับไลเซนซิ่ง

ดร.วิชิตแจงไทยลีกเปิดสนามต้นเดือนมีนาคม

เรื่องของโปรแกรมการแข่งขัน ประธานไทยลีก กล่าวว่า "หลังจากที่เราได้มีการนำเอาปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลทั้งหมดในประเทศ ฟุตบอลเอเอฟซีต่างๆ โปรแกรมทีมชาติที่จะต้องลงเตะฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ เกมอุ่นเครื่องต่างๆ ตามปฏิทินฟีฟ่า ในปี 2013 มาศึกษาแล้ว

ก็ทำให้เราได้กำหนดโปรแกรมการแข่งขันออกมาแบบคร่าวๆ โดยไทยพรีเมียร์ลีกจะเปิดฤดูกาลกันในช่วงต้นเดือนมีนาคม และจะปิดเลกแรกในช่วงต้นเดือนก.ค.โดยจะมีการพักเลกอย่างน้อย 2 สัปดาห์

และจะเปิดเลกสองในช่วงกลางเดือนก.ค. และจะปิดฤดูกาลกันในช่วงต้นเดือนพ.ย. โดยในฤดูกาลหน้านั้นจะมีเกมกลางสัปดาห์เลกล่ะ 2 นัดรวมเป็น 4 นัดทั้งฤดูกาล

ซึ่งตนยืนยันว่าในปีหน้าโปรแกรมของไทยลีกจะไม่กระทบกับปฏิทินของฟีฟ่าแน่นอน ไม่ว่าทีมชาติไทยของเราจะมีโปรแกรมลงเตะหรือไม่ หากฟีฟ่ากำหนดให้เป็นฟีฟ่าเดย์เราก็จะหยุดเหมือนกับทั่วโลกที่เขาทำกัน ซึ่งในเรื่องนี้ได้รับคำแนะนำจาก นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทุกๆ สโมสรก็เห็นด้วย"

ใช้จับสลากจัดโปรแกรมเหมือนเดิม

ในส่วนของการจัดโปรแกรมแข่งขันนั้น ในที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าควรจะจัดโดยการจับสลากเหมือนเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยทาง ดร.วิชิต นั้นได้เสนอแนวทางที่จะให้มีการแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม คือทีมอันดับที่ 1-6,7-12 และ 13-18 ตามอันดับฤดูกาลที่แล้ว และจัดโปรแกรมสลับกันไปจนจบฤดูกาล

แต่แนวทางนี้ไม่มีสโมสรไหนเห็นด้วย ซึ่งทางบอสไทยลีก ก็พร้อมทำตามที่สโมสรสมาชิกต้องการ โดยเพิ่มเติมว่าในนัดเปิดสนามเป็นธรรมเนียมที่จะต้องให้แชมป์เก่าได้เล่นในบ้านเกมแรก และในฤดูกาลหน้าโปรแกรมเลกสองจะกลับรันตามนัดเปิดสนามโดยสลับเจ้าบ้านกัน ซึ่งจะไม่เหมือนในฤดูกาลที่ผ่านมา"

ยัน 3 ทีมใหญ่ไม่มีปัญหาไลเซนซิ่งหากได้เตะเอเอฟซี

ในส่วนของคลับไลเซนซิ่ง ที่ทุกสโมสรจะต้องส่งให้กับทีพีแอล เพื่อส่งต่อให้กับเอเอฟซี ต่อไป โดยทาง ดร.วิชิต ได้ย้ำเตือนให้ทุกสโมสรต้องส่งเอกสารต่างๆ มาให้กับทีพีแอลภายในสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

พร้อมกับบอกด้วยว่าในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ทางเอเอฟซีจะชี้ขาดเรื่องโควต้าเอเอฟซี ชปล.ซึ่งไทยของเรามีลุ้นที่จะได้โควต้าเพิ่มจากเดิม หรืออาจจะถูกลดจำนวนก็เป็นได้ โดยมี 3 ทีมที่มีโอกาสได้ลงเตะก็คือ เอสซีจี เมืองทองฯ แชมป์ไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เอฟเอ คัพ และชลบุรี เอฟซี รองแชมป์ไทยลีกที่ต้องลุ้นหากเราได้โควต้าเพิ่ม

โดยทาง ดร.วิชิต แสดงความมั่นใจให้กับทั้ง 3 สโมสรว่าหากทุกทีมได้ลงเตะเอเอฟซี ชปล.จะไม่มีปัญหาเรื่องคลับไลเซนซิ่งแน่นอน"

ตลาดนักเตะเปิด 10 ธ.ค.-15 มี.ค.

สุดท้าย ดร.วิชิต ได้ชี้แจงถึงกำหนดระยะเวลาการเปิดตลาดการซื้อขายนักเตะ รวมถึงระบบ TMS ที่จะต้องลงทะเบียนกับฟีฟ่า ทุกสโมสรสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15 มี.ค.ซึ่งไทยพรีเมียร์ลีกจะเปิดฤดูกาลไปแล้ว 2 สัปดาห์

โดยในเรื่องนี้ก็เป็นทางประธานสโมสร "ปราสาทสายฟ้า" ที่เสนอแนะและในที่ประชุมก็เห็นด้วย ส่วนตลาดรอบ 2 นัดก็จะเปิดในช่วงเดือน ก.ค.ระหว่างที่พักเลกโดยจะมีระยะเวลา 4 สัปดาห์ด้วย สำหรับระยะเวลาของระบบ TMS นั้นจะรวมทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ

โดยในฤดูกาลหน้าทุกสโมสรยังสามารถส่งชื่อนักเตะต่างชาติได้ทั้งหมด 7 คน ส่งชื่อวันแข่งขันได้ไม่เกิน 5 คน และส่งลงสนาม 3+1 เหมือนเดิม และทุกทีมจะต้องส่งชื่อนักเตะทั้งหมดไม่น้อยกว่า 20 คน และไม่เกิน 35 คน"

โดยหลังจากนี้ทางทีพีแอลจะมีการนัดทุกสโมสรมาประชุมเพื่อจับสลากจัดโปรแกรมการแข่งขัน และประชุมเรื่องกฏระเบียบต่างๆ อีกครั้งก่อนเปิดฤดูกาล 2013

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook