สมิทธ ย้ำ 21 ธ.ค. พายุสุริยะพัด เสี่ยงแผ่นดินไหว

สมิทธ ย้ำ 21 ธ.ค. พายุสุริยะพัด เสี่ยงแผ่นดินไหว

สมิทธ ย้ำ 21 ธ.ค. พายุสุริยะพัด เสี่ยงแผ่นดินไหว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดร.สมิทธ ธรรมสโรจน์ เตือนภัยเหตุ "พายุสุริยะ" จะพัดเข้าใส่โลกในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ อาจเกิดแผ่นดินไหว ไฟดับ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดกับประเทศแคนาดาในอดีต

ดร.สมิทธ ธรรมสโรจน์ ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีแผ่นดินไหวที่เกิดในประเทศพม่า และเตือนผลกระทบที่อาจเกิดกับประเทศไทย เนื่องจาก "พายุสุริยะ" ที่จะพัดเข้าสู่โลกในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ ผ่านรายการ ThailandOnly ว่า แผ่นดินไหวในพม่านั้นถือเป็นเรื่องน่ากลัวกว่าปกติ เนื่องจากอัตราความรุนแรงของการเกิดอาฟเตอร์ช็อกนั้น จะลดลงมากกว่าครั้งแรกที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งแผ่นดินไหวในพม่านั้น ครั้งแรกเกิดที่ระดับ 6.6-6.8 ริกเตอร์ และอาฟเตอร์ช็อกก็ควรจะเป็น 4-5 ริกเตอร์ แต่อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดตามมานั้นกลับมีความรุนแรงสูงถึง 5.5-5.6 จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า พลังงานที่สะสมอยู่ที่รอบรอยเลื่อนสะแกงของพม่าที่เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. นั้น น่ากลัวว่าจะมีพลังงานสะสมเหลืออยู่

ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า สำหรับการเกิดอาฟเตอร์ช็อกนั้นสามารถมองได้ 2 ด้าน ด้านดีของอาฟเตอร์ช็อกนั้น ถือว่าเป็นการปลดปล่อยพลังงานที่สะสมอยู่บริเวณรอยเลื่อน แต่ ด้านไม่ดี อาจจะเป็นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมานั้นยังไม่หมดไปจริงๆ ถึงได้มีอาฟเตอร์ช็อกที่มีระดับความรุนแรงสูงเกิดขึ้นตามมา และอาจจะเกิดเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ต่อไปก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังกล่าวถึง แผ่นดินไหวในประเทศพม่านั้น ถ้าหากยังเกิดความสั่นสะเทือนต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อรอยเลื่อนของประเทศไทยในภาคเหนือ ซึ่งมีหลายรอยเลื่อนที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ถือว่าใกล้กับรอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่า ซึ่งรอยเลื่อนในประเทศไทยที่ต้องระวังผลกระทบจากแผ่นดินไหว ได้แก่ รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน รอยเลื่อนเมย และอีกหลายๆ รอยเลื่อนที่อยู่ใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และ จ.อุตรดิตร์

ทั้งนี้ รอยเลื่อนสะแกง ในประเทศพม่านั้นถือเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่มาก ซึ่งแผ่นดินไหวขนาด 6.1-6.6 ที่เกิดขึ้นในประเทศพม่านั้น ถือเป็นเพียงแขนงหนึ่งของรอยเลื่อนสะแกง อีกทั้งยังเป็นรอยเลื่อนที่พาดผ่านฝั่งตะวันตกของประเทศไทย ยาวไปจนถึงทะเลอันดามันถึงหัวเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก็เคยเกิดสึนามิเมื่อปี 2547 จึงถือว่าเป็นรอยเลื่อนหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับแรงสั่นสะเทือนที่ กทม. รู้สึกได้นั้น เนื่องจาก กทม. มีแผ่นดินที่อ่อนทำให้รู้สึกได้มากกว่าที่อื่นๆ เมื่อแรงสั่นสะเทือนจากพม่าแผ่มาถึง กทม. แผ่นดินที่อ่อนจึงเป็นตัวขยายความสั่นสะเทือนทำให้รู้สึกได้มากขึ้น ซึ่งถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงในประเทศพม่า โอกาสที่จะทำให้แรงสั่นสะเทือนที่สามารถรู้สึกได้ในกทม. นั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งรอยเลื่อนในประเทศไทยที่เคยเกิดแผ่นดินไหวอย่างหนักนั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อ 75 ปีก่อนในสมัย พ.ศ. 2480 วัดความสั่นสะเทือนได้ 7.6 ริกเตอร์ ด้าน จ.กาญจนบุรี บริเวณรอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ และหากเกิดแผ่นดินไหวนานๆครั้งถือเป็นเรื่องอันตรายเหมือนกัน เพราะพลังงานที่ถูกสะสมและปลดปล่อยในครั้งต่อไปนั้นจะมีพลังมากขึ้นกว่าครั้งก่อน

สำหรับประเทศไทยนั้นมีรอยเลื่อนทั้งหมด 14 รอย ซึ่งยังคงต้องจับตารอยเลื่อนในภาคเหนือและฝั่งตะวันตกเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในพม่า โดยเฉพาะรอยเลื่อนที่จ.กาญจนบุรี ซึ่งถือเป็นรอยเลื่อนที่ค่อนข้างใหญ่ ได้แก่ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีประวัติการเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวในประเทศพม่าขนาด 7-8 ริกเตอร์ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นในรอยเลื่อนของประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงปรากฏการณ์ สุริยุปราคาที่เกิดจากดาวเคราะห์ต่างๆ เรียงตัวกันในแนวระนาบไม่ว่าจะเป็น ดาวพุธ ดาวศุกร์ หรือโลกนั้น พลังงานที่เกิดจากการดึงดูดของดาวแต่ละดวง จะส่งผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกมากขึ้น

ดร.สมิทธ ยังระบุถึง ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ขององค์การ นาซ่า ที่กล่าวถึงการปลดปล่อยพลังงาน "พายุสุริยะ" ซึ่งเกิดจากการระเบิดของผิวดวงอาทิตย์และจะส่งพลังงานมาสู่ดาวเคราะห์ต่างๆ ที่โคจรอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์รวมถึงโลกของเรา โดยทางด้าน องค์การ นาซ่า มีการคาดการปรากฏการณ์ดังกล่าวว่าจะเกิดทุก 11 ปีจะมี 1 ครั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อแกนโลก และจะโคจรมาครบกำหนดอีกครั้งในวันที่ 21 ธ.ค. 2555 ที่จะถึง

ทั้งยังกล่าวถึงผลของ "พายุสุริยะ" ถ้าหากมาสัมผัสกับมนุษย์นั้น ยังไม่มีรายงานว่าจะเกิดผลกระทบต่อผิวหนัง ดวงตา หรือเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ นั้นแต่อย่างใด แต่ถ้าหากกระทบกับผิวโลกก็จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลัน และถ้าหากมากระทบในมหาสมุทร ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวใต้ท้องทะเล ทำให้เกิดเป็นคลื่นสึนามิ นอกจากนี้จากเหตุการณ์ในอดีตยังมีผลทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าระเบิดในประเทศแคนาดา ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับนานถึง 9 ชั่วโมง และประชาชนหลายล้านคนได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อโรงงานปรมณู ซึ่งสหรัฐฯ คงต้องเตรียมการรับมือด้วย

พร้อมทั้งยังกล่าวว่า ประเทศไทยนั้นยังขาดการอบรม กรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งต้องปรับปรุงและให้องค์ความรู้กับประชาชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook