โฆษกศาลยันสร้างตึกใหม่ไม่บังวัดพระแก้ว
นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผย ถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่กลุ่มโซเชียลมีเดียและกลุ่มต่างๆ คัดค้านการทุบอาคารศาลฎีกา ฝั่งตรงข้ามสนามหลวง ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ ว่า การก่อสร้างครั้งนี้ มีความเห็นชอบจากมติ ครม. ปี 2531 พร้อมทั้งกรมศิลปากร ได้มีการกำหนดเงื่อนไขอาคารศาลฎีกาหลังใหม่ ที่ต้องส่งเสริมความสง่างามของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเป็นไปตามระเบียบของกรุงเทพมหานคร ขณะที่ กรมศิลปากร ได้ กำหนดให้สร้างอาคารสูงได้ตั้งแต่ 16 เมตร แต่ไม่เกิน 32 เมตร และเนื่องจากอาคารศาลฎีกามีความเก่าแก่ และชำรุดทรุดโทรม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรื้อถอนอาคารศาลฎีกาฝั่งถนนราชดำเนิน และอาคารศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาทดแทน และเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เนื่องจากในขณะนี้ บุคลากรมีเพิ่มมากขึ้น และคดีในศาลฎีกามีเป็นจำนวนมาก จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ แต่ยังคงอาคารด้านหลังเป็นอาคารศาลยุติธรรม ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังอนุสาวรีย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ และอาคารศาลฎีกา ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแต่อย่างใด ด้าน นายนิกร ทัสสโร คณะกรรมการแก้ไขปัญหาและข้อขัดข้องการสร้างอาคารใหม่ศาลฎีกา ได้กล่าวว่า ยืนยันว่าการก่อสร้างอาคาร ได้ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง หากการก่อสร้างมีลักษณะข่ม หรือแข่งกับวัดพระศรีฯ ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ และการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ศาลฎีกา ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผู้รับเหมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา และมีการส่งมอบพื้นที่บางส่วนให้กับ และจะเริ่มทุบอาคารฝั่งถนนราชดำเนิน โดยจะคงอาคารที่เป็นอาคารเก็บคำพิพากษาไว้เป็นพื้นที่สุดท้าย คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 1,000 วัน