สุดยอดข่าวแห่งปี 2555

สุดยอดข่าวแห่งปี 2555

สุดยอดข่าวแห่งปี 2555
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปีมังกรกำลังจะผ่านไป ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งเหตุบ้านการเมือง เหตุสะเทือนใจ เหตุสะท้อนปัญหาสังคม และเหตุความสูญเสียต่างๆ นับเป็นอีกปีที่มีหลายเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน และนี่คือสุดยอดข่าวแห่งปี 2555

● บึ้มคาร์บอม โรงแรมลีการ์เดนส์ หาดใหญ่ ●

วันที่ 31 มีนาคม เวลาประมาณ 13.00 น. เกิดเหตุไฟไหม้และระเบิดเสียงดังที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า ใจกลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้ประชาชนและแขกของโรงแรมหนีตายกันจ้าละหวั่น เบื้องต้นยืนยันเป็นเพียงเหตุท่อแก๊สระเบิด จนกระทั่งสืบสวนพบว่าเป็นคาร์บอมที่ชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในควบคุมสถานการณ์ ซึ่งเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย นับเป็นอีกหนึ่งเหตุวินาศกรรมร้ายแรงอีกครั้งของประเทศ

● คดีลึกลับซับซ้อน หมอสุพัฒน์ ●

ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่าน ชื่อของ หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ กลายเป็นที่รู้จักและตกเป็นผู้สงสัยในสังคม หลังมีผู้ออกตามหา 2 สามีภรรยาที่หายตัวไปไร้ร่องรอยกว่า 2 ปี จนพบรถกระบะจอดทิ้งร้างไว้ที่ จ.นนทบุรี และเมื่อขุดหาหลักฐานในพื้นที่ไร่หมอสุพัฒน์ ก็พบกับโครงกระดูกเป็นจำนวนหนึ่ง
คดีเริ่มยืดเยื้อเมื่อ พี่ชายหมอสุพัฒน์ ออกมาให้ข่าวกับสื่อ พลิกเป็นประเด็นมรดกสินทรัพย์และความขัดแย้งภายในตระกูลเลาหะวัฒนะ รวมทั้งคลิปวิดีโอ แม่หมอสุพัฒน์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นโรคความจำเสื่อมถูกนำมาเผยแพร่ตามสื่อหลายแขนง ว่าเป็น "ลูกอกตัญญู" กระทั่ง หมอสุพัฒน์ ถูกจับกุมตัวในที่สุดและยังนำหลักฐานสู้คดี แม้ว่าโครงกระดูกที่พบนั้น ชันสูตรแล้วว่า ไม่ใช่ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไป แต่อาจจะเป็นคนงานชาวพม่าที่หายตัวไป หลังมีปากเสียงกับหมอสุพัฒน์ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังคงลึกลับซับซ้อนหาบทสรุปไม่ได้จนกระทั่งปัจจุบัน

● ม็อบแห่งปี ม็อบเสธ.อ้าย ●

ชื่อของ เสธ.อ้าย บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะแกนนำประท้วงทางการเมือง ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน แม้ว่าก่อนนี้จะคร่ำวอดอยู่ในวงการกีฬาก็ตาม เสธ.อ้าย กลายเป็นผู้นำประท้วงที่น่าจับตามอง หลังประสบความสำเร็จจากการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา
ก่อนที่จะเรียกรวมตัวชุมนุมกดดันรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 24 พฤศจิกายน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งในครั้งนี้ เสธ.อ้าย หวังให้มีผู้ร่วมชุมนุมมาเรือนแสน แต่ต้องติดขัด พราะเกิดความรุนแรง ผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ปะทะกันถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ก็ต้องจบลงม้วนเดียว ก่อนที่ เสธ.อ้าย จนลาออกจากตำแหน่งประธาน อพส. และถูกสื่อการเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา

● บ.ไร่ส้ม ยักยอก 138 ล้าน กระแส "สั่งแบน" สรยุทธ ●

20 กันยายน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้ว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ของพิธีกรข่าวคนดัง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผิดฐานยักยอกค่าโฆษณา 138 ล้านบาท จาก บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือ โมเดิร์นไนน์ทีวี กรณีดังกล่าวเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม และเกิดกระแส "แบน สรยุทธ" โดย ภาคีต้านคอรัปชัน ได้ออกหนังสือต่อต้าน สั่งให้ สรยุทธ ยุติบทบาทผู้ดำเนินรายการข่าวทางช่อง 3 เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่มี 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ นำทีมถอนโฆษณาออกจากรายการข่าวที่มี สรยุทธ เป็นผู้ดำเนินรายงาน แต่ท่าทีของ สรยุทธ ยังคงนิ่งเฉย ทำได้เพียงลาออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวฯ เท่านั้น

● ซี 7 ตบบ้องหู! จนท.สนามบิน & นายก อบต. ตบ! ขรก.หญิง ● 

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เมื่อมีคลิปวิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้ภายในสนามบินสุวรรณภูมินำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทูป โดยระบุว่าเป็น พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจค้นร่างกายตามระเบียบ ก่อนจะใช้มือตบเข้าที่ใบหูของเจ้าหน้าที่เคราะห์ร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ต่อมามีการสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ซี 7 คนดังกล่าวมีอาการทางประสาท สังให้หยุดงานไปรักษาตัว และถือว่าผิดวินัยจริงแต่ไม่ร้ายแรง
ส่วนอีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นกับ ข้าราชการหญิง ที่ อบต.ไทยาวาส จ.นครปฐม ถูกนายกฯ อบต.ตบหน้าอย่างจัง 2 ครั้ง โดยกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด ข้าราชการหญิงบอกสาเหตุที่ถูกทำร้าย อาจเกิดจากความไม่พอใจในการเบิกงบประมาณโครงการหนึ่งที่ดำเนินการอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งในขณะนี้เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

● ปมดราม่า! ตามหาควายเผือกบุญมา ●

กลายเป็นมหากาพย์เล็กๆ สำหรับกรณีตามหา "ควายเผือกบุญมา" เรื่องเริ่มต้นจาก น.ส.นันทวรรณ เทพรักษา อาจารย์อัตราจ้างสอน คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มรภ.อุตรดิตถ์ พร้อมกับบิดา ออกร้องสื่อมวลชนว่า ควายเผือกที่บริจาคให้กับศูนย์อนุรักษ์กระบือไทยหายไป จึงเกิดการออกตามเส้นทางของควายบุญมา ซึ่งมีเบาะแสจากทั้งชาวบ้าน จ.แพร่ และ จ.อุตรดิตถ์ รวมทั้งพ่อค้าซื้อขายควายชื่อดัง แต่การตามหาก็ไร้ประโยชน์ เมื่อไม่สามารถพบควายบุญมาได้อีก จนเชื่อว่า ควายบุญมา ถูกขายและส่งไปยังประเทศจีน เนื่องจากประเทศไทยไม่นิยมบริโภคควายเผือก กรณีกลายเป็นกระแสให้พูดถึงในโลกอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก

● คดีสะเทือนสังคม! ยายฆ่าหลานแท้ๆ ●

13 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง เข้าตรวจสอบที่คอนโดแห่งหนึ่ง หลังมีผู้พบศพเด็กชายอายุ 13 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่กับครอบครัวที่คอนโดดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณบันไดหนีไฟ ถูกของแข็งตีที่ศีรษะจนเสียชีวิตและคิดว่าเป็นการฆาตกรรม หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเด็กชายคนดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป เกิดกระแสว่าเด็กชายอาจจะถูกกลุ่มวัยรุ่นมัวสุมทำร้ายจนเสียชีวิต
แต่เพียงแค่ 3 วันต่อมา คดีดังกล่าวพลิกพลันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวยายของเด็กชายไปสอบสวน จนยอมรับสารภาพแต่โดยดีว่า เป็นผู้ฆ่าหลานชายแท้ๆ เพราะหลานชายพยายามทำร้าย หลังตักเตือนเหตุทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน จึงได้ใช้ไม้กระบองตีใส่เพื่อป้องกันตัว จนหลานเสียชีวิตและลากศพหลานไปทิ้งอำพรางไว้ที่บันไดหนีไฟ คดีดังกล่าวนับเป็นข่าวช็อกและสะเทือนใจที่สุดในรอบปี

 

● ตำรวจไทยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ●

Evil Man From Krabi กลายเป็นคลิปที่อื้อฉาวและส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย คลิปดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นโดยพ่อของนางแบบสาวชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ถูกไกด์นำเที่ยวข่มขืนกระทำชำเราที่อ่าวนาง จ.กระบี่ แต่คนร้ายกลับไม่ได้รับโทษ ให้ประกันตัวและปกปิดข่าว จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำคลิปออกมาตอบโต้ว่าเป็นการทำการกระบวนการยุติธรรมของไทย
ความเก่ายังไม่เลือนหายดี สื่อออสเตรเลียก็นำเสนอสกู๊ปข่าวฉาวเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของไทย TRAGEDY IN THAILAND เมื่อ 2 คู่รักชาวออสซี่ เดินทางมาฮันนีมูนที่เกาะสมุย แต่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนกับคนท้องถิ่นชาวไทย จนเป็นเหตุทำให้หญิงชาวออสซี่เสียชีวิต และอ้างว่าถูกตำรวจจองจำอยู่ในคุกนานหลายวัน อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าสินบนให้ตำรวจไทยด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งกรณีนี้อื้อฉาว เมื่อสาวออสซี่ แจ้งความว่าถูกคนขับตุ๊กตุ๊กเมืองภูเก็ต ก่อเหตุข่มขืนรุมโทรม จนเป็นข่าวเสื่อมเสีย แต่เมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว จึงทราบว่าเป็นการกุข่าว เพราะความมึนเมาของสาวออสซี่ จึงถูกส่งตัวกลับประเทศไปในทันที นับเป็นปีที่เมืองไทยเสื่อมเสียกรณีฉาวดังกล่าวเป็นมากเป็นพิเศษ

 

● 2555 ปีแห่งกระแสฮิต-เสื่อมโชเชียลเน็ตเวิร์ก ●

ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่มีประเด็นสังคมมากมายที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์และโชเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ในเทคโนโลยีในทางที่ผิด ตัวอย่างที่ร้ายแรงที่สุดคงเป็นกรณีคลิปฉาวในโรงภาพยนตร์ที่ราชบุรี ซึ่งพบภาพเด็กในเครื่องแบบนักเรียนมีเพศสัมพันธ์กันอย่างโจ่งแจ้ง

อีกทั้งยังมีคลิปเด็กนักเรียนทะเลาะกันในห้องน้ำ และสั่งให้รุ่นน้องก้มลงกราบเท้า ก่อนจะทำร้ายอย่างทารุณ เช่นเดียวกับภาคต่อของเด็กนักเรียนภาคอีสานแห่งหนึ่ง ที่นัดรุ่นน้องคนเดิมมาตบแก้แค้น เพราะทำให้โดนไล่ออก
หรือจะเป็นกรณีฉาวดังไปทั่วโลก คลิปวิดีโอที่นักท่องเที่ยวต่างชาติถ่ายเหตุการณ์เด็กนักเรียนไทยทะเลาะวิวาทกับแม่บ้าน ก่อนจะคว้าเก้าอี้พลาสติกฟาดใส่หน้าจนได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งกรณีคลิปฉาวในวงการศาสนา เณรสวมจีวรลิปซิงค์เพลงร็อก จนสังคมวิพากษ์วิจารณ์

● สภาไทยดุเดือด! ประท้วง-บีบคอ-แย่งเก้าอี้ ●

เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในรัฐสภา เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ขณะสมาชิกฯ กำลังหารือว่าด้วยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง กลายเป็นภาพเหตุการณ์เด่นที่สุดในรอบปี เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงค่ำ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้ขอให้สมาชิกลงมติเลื่อนวาระ แต่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน โห่ไม่พอใจ ตะโกนว่า "เผด็จการรัฐสภาเป็นลูกจ้างหรือเปล่า ไม่ได้เป็นขี้ข้าใคร" ทำให้ ส.ส.ประชา ประสพดี อภิปรายในสภาว่า "จะโห่ทำเหี้*อะไรครับ?" ก่อนจะเกิดความวุ่นวายเมื่อมีการล้อมประธานสภา หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปรุมล้อมประธานสภา
ขณะที่ ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปแย่งเก้าอี้ประธานสภาทั้ง 3 ตัวลงมา โดยบอกว่าประธานแย่มาก แต่ถูก ส.ส.ขัตติยา สวัสดิผล พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.หญิง อีกส่วนหนึ่งเข้าไปป้องกันเอาไว้ มีการยิ้อแย่งกัน มีกระแสข่าวลือว่าทั้งคู่ตบกัน
นอกจากนี้ยังมีประเด็น คลิปภาพเหตุการณ์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูก นายธานี เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ วิ่งเข้ามาใช้มือค้ำคอ นายจิรายุ จน ส.ส.ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องรีบเข้าห้ามปรามทั้งคู่ จนกระทั่งวันถัดมา นายจิรายุ สวมเฝือกคอเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook