'สุริยะใส' จับโกหกผู้บริหารช่อง3 เชื่อเซนเซอร์ตัวเอง
"สุริยะใส กตะศิลา" จับโกหกผู้บริหารช่อง 3 เชื่อ เซนเซอร์ตัวเองหนีภัยคุกคาม หวั่นคดี DSI แนะสังคมจับตาการกลับมาของ "อาณาจักรแห่งความหวาดกลัว"
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า กรณีที่ผู้บริหารช่อง 3 แจ้งต่อกรรมการ กสทช. เบื้องต้น ว่าเหตุที่มีคำสั่งแบนละครเหนือเมฆ 2 นั้น เพราะเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 ว่า จากการดูบท นอกจากไม่เข้าข่ายผิด มาตรา 37 แล้ว ละครยังส่งเสริมศีลธรรมอันดีในสังคมที่เน้นให้คนทำดี และจุดจบของคนไม่ดี หรือ นักการเมือง คนมีอำนาจที่ใช้อำนาจคดโกง หาประโยชน์เพื่อตัวเองและครอบครัว เนื้อหาของละครเรื่องนี้ถือเป็นการตีแผ่การเมืองไทยในรอบทศวรรษได้อย่างลึกซึ้ง จึงเห็นว่าผู้บริหารช่อง 3 อาจเลือกเซนเซอร์ตัวเอง เพื่อความสบายใจของผู้มีอำนาจ จะมาอ้างว่าเป็นการควบคุมกำกับตัวเองคงอ้างไม่ได้ เพราะเป็นคนละความหมาย
ทั้งนี้ การเลือกเซนเซอร์ตัวเองสะท้อนวงการสื่อสารมวลชนไทยที่กำลังกลับไปสู่ยุคอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว ในยุครัฐบาลทักษิณสมัยแรก ที่มีทั้งการแทรกซึม แทรกแซง และแทรกซื้อสื่อมวลชนสารพัดรูปแบบ
ในบทละครนี้ ยังมีจุดที่น่าสงสัยอีกประเด็นคือ บทบาทของอธิบดีกรมสอบสวนคดิพิเศษ ในละครเหนือเมฆ 2 จะเรียกชื่อว่า ผู้บัญชาการ TSI ที่มีพฤติกรรมไม่ซื่อ พยายามตกแต่งหลักฐานเท็จ เพื่อเล่นงานคนอื่น ประเด็นนี้อาจจะกระทบกับทางช่อง 3 ที่กำลังถูก DSI สอบสวนกรณีต่ออายุสัมปทาน ช่อง 3 ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอยู่ด้วยหรือไม่ ฉะนั้น ข้ออ้างของผู้บริหารช่อง 3 จึงไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการโกหกเพื่อเอาตัวรอดและเอาเรื่องการล้มล้างการปกครองฯ มาอ้าง เพื่อแบนละครเรื่องนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะต้องมีคำตอบให้ประชาชนและถือเอาเป็นกรณีศึกษา เพื่อวางมาตรการไม่ให้เกิดกรณีนี้อีก