โจรแสบงัดบ้าน 'พ.ต.ท.' วิภาฯ 42 ฉกทรัพย์ 2 แสน ใกล้บ้าน 'พงศพัศ'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 มกราคม พ.ต.ท.มานิต จันทร์ประเสริฐ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายงัดบ้านขโมยทรัพย์สิน ภายในบ้านเลขที่ 325 ซ.วิภาวดี 42 แยก 18-1 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 70 ตร.วา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ซอยเดียวกับบ้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีต รอง ผบ.ตร.และเลขาฯป.ป.ส. ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย และห่างจากบ้านที่เกิดเหตุไปประมาณเพียงแค่ 50 เมตร

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณชั้นล่าง พบข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายทั่วบ้าน ตู้และลิ้นชักที่อยู่ในบ้านถูกเปิดออกทั้งหมด กระเป๋าและกล่องเก็บของถูกนำมาวางรวมไว้บนพื้น สภาพถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนประตูหลังบ้านก็ถูกเปิดทิ้งไว้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบรอยเท้าซึ่งคาดว่าจะเป็นของคนร้ายอยู่บริเวณด้านหลังบ้านอีกด้วย

จากการสอบถาม นางจุฑาภรณ์ แพไหม อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า บ้านนี้เป็นบ้านของตน ปกติพักอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ ตน ลูกชาย และป้าแม่บ้าน ส่วนสามีคือ พ.ต.ท.วิชัย พุ่มประดับ รอง ผกก.สส.สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะไปๆ มาๆ ไม่อยู่บ้านทุกวัน เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ ตนกับลูกไม่สบายจึงกินยาแก้หวัดและรีบเข้านอนตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. พอช่วงเช้าตื่นขึ้นมาประมาณ 07.00 น. ลงมาชั้นล่างก็พบว่าข้าวของในบ้านถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย ตู้และลิ้นชักถูกเปิดออก กระเป๋าถูกนำมารื้อกองอยู่ที่พื้นด้านล่าง และประตูด้านหลังบ้านก็ถูกเปิดทิ้งไว้ ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย แม็คบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง แหวนเพชรเก่าแก่จำนวน 2 วง แว่นตาเรย์แบน กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่องและเงินสด 3 หมื่นบาท รวมทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจสอบและตนได้โทรศัพท์บอกสามีให้ทราบเรื่องแล้ว

นางจุฑาภรณ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากการสอบถามแม่บ้านเล่าว่า ได้ยินเสียงสุนัขเห่าตอนประมาณ 23.00 น. เห็นบุคคลคนต้องสงสัยมาเดินป้วนเปี้ยนแถวหน้าบ้าน 2 คน คนหนึ่งรูปร่างผอมสูง ส่วนอีกคนอ้วนเตี้ย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วสงสัยซาเล้งที่เคยเข้ามาดูทีวีเก่าเครื่องใหญ่ที่ตั้งใจจะขาย ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งซาเล้งมีพฤติกรรมผิดสังเกต มาด้อมๆ มองๆ ดูข้าวของตนทั่วทั้งบ้านและยังมองรอบๆ บริเวณบ้านด้วย ซึ่งตนก็เคยต่อว่าไป อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนอยู่บ้านหลังนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่รถที่จอดในซอยโดนทุบกระจกขโมยทรัพย์สิน แต่ยังโชคดีที่เครื่องเพชรชุดใหญ่ ซึ่งใช้ห่อผ้าคลุมไว้มูลค่ากว่า 2 แสน ไม่ได้ถูกคนร้ายเอาไปด้วย ไม่เช่นนั้นคงเดือดร้อนแน่นอน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำคนในบ้านอย่างละเอียด พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บรวบรวมลายนิ้วมือแฝงและรอยเท้าของคนร้ายในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้ายต่อไป