พี ปรเมศร์’เข้าพบตร.วันนี้ เจอแจ้งเพิ่มข้อหาหนักฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

พี ปรเมศร์’เข้าพบตร.วันนี้ เจอแจ้งเพิ่มข้อหาหนักฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

พี ปรเมศร์’เข้าพบตร.วันนี้  เจอแจ้งเพิ่มข้อหาหนักฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี นายปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์ หรือ "พี ปรเมศวร์" ดารานักแสดงตัวประกอบ จากช่อง 3 ตกเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงศีรษะ นายนพปฎล อธิบาย อายุ 44 ปี หุ้นส่วนร้าน Muse ทองหล่อซอย 10 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุเกิดจากดาราหนุ่มไม่พอใจที่ผู้ตายเข้าไปห้ามปรามขณะกำลังทะเลาะกับแฟนสาว เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถอาคารเอท ทองหล่อ ปากซอยทองหล่อ 8 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 17 ม.ค. โดยนายปรเมศวร์ ได้นำอาวุธปืนกล๊อก ขนาด 9 ม.ม. ที่ใช้ก่อเหตุเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ทันทีหลังเกิดเหตุ ก่อนใช้เงินสด 200,000 บาท ประกันตัวออกไป ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ม.ค. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและสอบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากพ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ ว่า นายปรเมศวร์ จะเข้าพบพ.ต.ท.ศราวุธ เดชศรี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ทองหล่อ ในวันที่ 21 ม.ค. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งข้อหาที่พนักงานสอบสวนจะแจ้ง คือ ข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน" และให้เพิ่มวงเงินประกันตัวอีก 3 แสนบาท สำหรับคดีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจน อีกทั้งผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี เข้ามอบตัวตั้งแต่แรก แต่เมื่อผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวนสามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อหาเพิ่มได้ทันที

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หากผู้ต้องหาปฏิเสธในข้อหาฆ่าผู้อื่น ก็ต้องไปสู้คดีในชั้นศาล สำหรับภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุมีความชัดเจนพอสมควร ผกก.สน.ทองหล่อ ฝ่ายสืบสวน และพ.ต.ท.ศราวุธ เจ้าของคดี ได้ตรวจสอบกันหมดแล้ว จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนหลักฐานอื่นๆ เช่น การตรวจวิถีกระสุนจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และผลการชันสูตรศพจากแพทย์ คงจะต้องรอสักระยะ เพื่อนำมาประกอบในสำนวนให้ครบถ้วน สำหรับภาพวงจรปิด ตนยังไม่เห็น ไม่ได้ลงไปดู เห็นว่าฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกันอยู่ ทราบเพียงแต่ว่าเห็นทั้งสองฝ่าย แต่ชัดเจนแค่ไหนระบุไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นหลักฐานใช้ประกอบคดีได้

"คดีนี้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เอาโซเชียลเน็ตเวิร์กมาสร้างกระแสกันไปมา แต่เชื่อว่าไม่กดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook