สีสัน ทางเลือก อัตลักษณ์ การเมือง ประชาธิปไตย
ภาพลักษณ์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สะท้อนอัตลักษณ์ ตัวตนออกมาอย่างเด่นชัด การดำรงอยู่ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ก็เป็นการดำรงอยู่ภายใต้ร่มเงาใหญ่ของพรรคเพื่อไทยนี่เป็นวิถีอย่างเดียวกันกับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะดำรงอยู่อย่างสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในทางส่วนตัวและในทางการเมือง แต่ก็ปรากฏขึ้นและดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองกาลเวลานับแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นมาจนถึงเดือนมกราคม 2556 เด่นชัดยิ่งว่าการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้ดำเนินไปอย่างเดียวกันกับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ "ต่าง" เป็นอย่างมาก คือ การหลีกเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้า ไม่มีท่วงทำนองแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ตอบได้ ไม่ต่อล้อต่อเถียง ขณะเดียวกัน ก็นำเอาจุดแข็งยิ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาสานต่อ นั่นก็คือ จุดแย็งอันเนื่องแต่การทำงานตามนโยบายที่ได้ประกาศเอาไว้ แล้วกรณีของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เล่าเป็นอย่างไร
อย่างแรกสุด พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เดินตามรอยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อประจันหน้ากับพรรคประชาธิปัตย์ นั่นก็คือ หลีกเลี่ยงการปะทะ หลีกเลี่ยงการต่อปากต่อคำ แม้จะมีการสาดโวหารเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็รักษาอาการไว้ไม่แปรเปลี่ยน เดินหน้าหาเสียง พบประชาชนอย่างเสมอต้นเสมอปลายขณะเดียวกัน ประการต่อมาคือการอาศัยจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย
จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยก็อีหรอบเดียวกับจุดแข็งของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน นั่นก็คือ จุดแข็งในด้านนโยบาย
ทั้งนโยบายเฉพาะส่วน ทั้งนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ จากนั้นก็นำเอาจุดแข็งทางด้านนโยบายประสานเข้ากับตัวตนอันถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สะสมมาตั้งแต่เป็นข้าราชการตำรวจ
นั่นก็คือ การรับใช้ประชาชน ท่วงทำนองในแบบกระโดดเกาะรถขนขยะ ท่วงทำนองในแบบปรากฏตัวในจุดอันเกิดเพลิงไหม้อย่างทันทีทันควัน เป็นท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ ยากเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สมัครรายอื่นจะสามารถเลียนแบบได้ เพราะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ทำมากระทั่งกลายเป็นเรื่องปกติ การนำเสนอตัวตนอันเป็นอัตลักษณ์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ย่อมนำไปสู่การเปรียบเทียบกับอัตลักษณ์ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อย่างไม่ต้องสงสัย สัมผัสได้จากการใช้ชีวิตประจำวัน
แปลกใจหรือไม่ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มักตระเวนออกหาเสียง ชงกาแฟโบราณ ตั้งแต่รุ่งอุษาสาง ไม่ว่าที่เยาวราช ไม่ว่าที่สวนลุมพินี ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มักปรากฏตัวในช่วงบ่ายของวัน นี่ย่อมเป็นความเคยชินของตำรวจ ที่มีพื้นฐานความเป็นนักรักบี้ นักกีฬา จนเพื่อนฝูงตั้งนิคเนมให้ว่า "จูดี้"
ในอีกด้าน กล่าวสำหรับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ย่อมเป็นความเคยชินของ "คุณชาย" ในราชนิกูล นักเรียนอังกฤษ ที่มีวิถีชีวิตเป็นอีกแบบอันแตกต่างกันออกไป และทำให้เวลาของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ กับเวลาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บิรพัตร ดำเนินไปคนละแนว
เป็นเรื่องส่วนตัวแน่นอน กระนั้น ความเป็นส่วนตัวนี้ก็สัมพันธ์กับกระบวนการทำงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์แต่ก็มีอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สังกัดพรรคเพื่อไทยแต่ก็มีอัตลักษณ์อันต่างออกไป ยากยิ่งที่แต่ละฝ่ายจะลอกเลียนหรือทำเนียนให้เหมือนกันได้ ความแตกต่างนั่นแหละคือสีสันอันเพริศแพร้วพรรณรายแห่งระบอบประชาธิปไตย คน กทม.ไม่เพียงแต่โชคดีที่มีโอกาสเลือกผู้บริหารของตนเองอย่างอิสระ หากพื้นที่ กทม.ก็มีบุคคลเสนอตัวเข้ามาให้เลือกอย่างหลากหลาย คึกคัก อย่างเป็นพิเศษคนเหล่านั้นเสมอเป็นผู้อาสา คน กทม.ต่างหากคือผู้มีอำนาจแท้จริง