ผู้สมัครลต.ผู้ว่าฯกทม. ดีเบตที่นิด้า-ปชช.ร่วมฟังคึก

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในโค้งสุดท้าย โดยบรรยากาศก่อนการร่วมแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถาม ผู้ว่าฯกทม. 2556 ภายใต้หัวข้อ "เปลี่ยนกรุงเทพด้วยมือเรา" ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยเชิญผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 5 คน ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส นายสุหฤทธิ์ สยามวาลา และ นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครอิสระ มาประชันวิสัยทัศน์ เริ่มเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียง และที่ทราบข่าวการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของโครงการตลอดจนคณาจารย์ และผู้บริหารสถาบันทยอยเดินทางเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

ทั้งนี้ในการดีเบตจะมีทั้งคำถามจากบนเวทีและคำถาม จากภาคประชาชนที่เข้าร่วมฟังด้วย ผอ.นิด้าเผยปชช.41%ยังไม่ตัดสินใจ นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล เปิดเผยในรายการ เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง ถึงกระบวนการทำโพล ว่า ทางนิด้าจะใช้วิธีการเก็บข้อมูลทางโทรศัพท์ครอบคลุม กทม. ทั้ง 50 เขต ซึ่งผลโพลในโค้งที่ 5 จะออกมาในวันพรุ่งนี้ เป็นโค้งสุดท้ายที่เราทำเอาไว้ และก่อนการเลือกตั้ง 2-3 วัน เราจะทำการสำรวจแต่จะไม่เปิดเผยข้อมูลจนกว่าจะปิดหีบ เมื่อปิดหีบ เราก็จะส่งให้สื่อเพื่อให้รู้ว่าผลการสำรวจของเราเป็นอย่างไร นายสุวิชา กล่าวอีกว่า เท่าที่มองในโค้งที่ 4 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ยังตาม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อยู่

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มองว่า ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจถึงร้อยละ 41 คิดว่าคงมีคนอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากตัดสินใจ ส่วนโหวตโน ตอนนี้พบร้อยละ 3.9% ซึ่งเกรงจะสูงขึ้นถึงมากว่านี้   'พงศพัศ'ดีเบตนิด้าชูต้องดูแลคนกรุงทุกด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถาม ผู้ว่าฯ กทม. 2556 ภายใต้หัวข้อ "เปลี่ยนกรุงเทพด้วยมือเรา" ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ต่อคำถาม จะพัฒนา กทม.ไปสู่มหานครแห่งอาเซียน ให้เกิดความสมดุล ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่างไร โดยกล่าวว่า อย่างแรกจะต้องให้ความใส่ใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยประชาชนต้องเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหา ในทุกเรื่อง และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกรุงเทพมหานคร ด้วยการกระจายอำนาจสู่ชุมชน

ขณะที่การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจนั้น สินค้าที่ประชาชนต้องจับจ่ายใช้สอย ต้องมีราคาถูกลง ซึ่งมีแนวคิดนำพื้นที่รกร้างว่างเปล่าใน กทม. มาทำเกษตรกรรม, เลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างผลิตผล หรือสินค้า OTOP เพื่อเป็นการสร้างรายได้ในชุมชนด้วย ส่วนการดูแลแก้ไขปัญหาอาชญากรรมนั้น จะมีการตั้งศูนย์เฝ้าระวัง กทม. เพื่อดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอด 24 ช.ม. พร้อมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชุมชน ทั้ง 2,038 ชุมชนซึ่งที่ผ่านมา พบว่า มีชุมชนกว่า 1,010 ชุมชน มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด มีเยาวชนกว่า 2 แสนราย ที่ต้องเข้ารับการบำบัดรักษา และป้องกันไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดอีก อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พงศพัศ ยังกล่าวด้วยว่า ทุกพื้นที่ใน กทม. ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และการแก้ไขปัญหาอื่น