รมช.พาณิชย์ ปิ๊งไอเดีย-เปลี่ยนชื่อร้าน "โชห่วย" เป็น "โชสวย"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจสหกรณ์ และการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ปี 2556 โดยมีตัวแทนสหกรณ์สมาชิกค้าปลีกค้าส่งร่วมอบรมกว่า 100 คน ว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับสมาคมค้าส่ง ค้าปลีกไทย ที่มีสมาชิกว่า 3-4 แสนราย ร่วมกันประชาสัมพันธ์ รณรงค์การเปลี่ยนชื่อ ดั้งเดิมของค้าปลีก ค้าส่ง ที่มักเรียกติดปากว่า โชห่วย ให้เป็นร้านกลุ่มร้านค้าโชสวยแทน โดยให้ดำเนินการจัดทำร้านต้นแบบ เพื่อจะเปิดร้านโชสวย ได้ในระหว่างการจัดกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมธุรกิจ ค้าส่งค้าปลีกร้านค้าส่งค้าปลีกไทยได้รวมตัวกันแสดงพลังความเข้มแข็งของธุรกิจ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โดย มีร้านค้าส่ง 71 ราย ร้านค้าปลีกเครือข่ายกว่า 10,000 ราย รวมทั้งผู้แทนจำหน่าย และผู้ผลิต ร่วมมือกันจัดงาน "โชสวย ทั่วไทย รวมใจช่วยสังคม" ระหว่างวันที่ 25 เม.ย.-15 พ.ค. 2556 ณ สถานประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีก ใน 4 ภูมิภาค เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้เกิดความร่วมมือและเกื้อกูลทางการค้าซึ่งกันและกัน สร้างความเข้มแข็ง และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยการจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
"ที่ผ่านมาเรารียกร้านค้าดั้งเดิมตามรากศัพท์ที่มาจากภาษาจีน แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนรุ่นหลังไม่รู้จักว่าคำว่าโชห่วยแปลว่าร้านจำหน่ายสินค้า แต่คิดว่าเป็นร้านที่จัดโชว์สินค้าห่วย ไม่มีความสวยงาม ดังนั้นผมจึงมีแนวคิดว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็นโชสวย ที่มีความหมายดีๆ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อผู้บริโภค เพราะเรายังเรียกร้านค้าสมัยใหม่ว่าร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด แต่ทำไมเรียกร้านค้าดั้งเดิมว่าโชห่วย และผมยังให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ และหากจำเป็นก็ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้กู้สินเชื่อเพื่อให้นำมาปรับปรุงร้านค้าให้มีความสวยงามมากขึ้น"นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้ มีร้านค้า โชห่วยทั่วประเทศประมาณ 3-4 แสนราย มีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจกว่า 1.5 ล้านล้านบาทต่อปี กระจายอยู่ตามชุมชนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ยังดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ปัจจุบัน มีร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่มากขึ้น ดังนั้น พฤติกรรมของผู้บริโภคจะค่อยๆ เปลี่ยนไป โดยจะหันไปจับจ่ายในร้านหรือห้างที่มีความสะดวกมากกว่า ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด ร้านโชห่วยในปัจจุบันต้องปรับตัว โดยจัดพื้นที่ให้มีความสะดวกสบาย สะอาด จึงเห็นด้วยกับนโยบายกระทรวงพาณิชย์ โดยจะทยอยให้ร้านค้าปลีกในสมาคมเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นร้านต้นแบบ เพื่อให้ร้านอื่นๆ ปรับตามทั่วประเทศต่อไป