DSIชงป.ป.ช.ฟันพรทิวา,ไตรรงค์,มนัส ฮั้วระบายข้าวปี53
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยมีการกล่าวถึงความคืบหน้ากรณี การตรวจสอบทุจริตการระบายข้าว ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำนวนกว่า 3.4 ล้านตัน มูลค่ารวมกว่า 44 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าว ดีเอสไอได้รับการร้องเรียน จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่อยมา จนกระทั่งพบว่า เมื่อ พ.ศ. 2553 การดำเนินโครงการระบายข้าว ของรัฐบาลในสมัยนั้น ผิดแปลกไปจากปกติ ที่จะมีการประกาศ เชิญชวนผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกข้าวเข้าร่วมประมูล เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาข้าวในประเทศสูงเกินไป แต่ปรากฏว่า รัฐบาลขณะนั้นได้มีการดำเนินการระบายข้าว 2 ครั้ง โดยตกลงราคากับผู้ค้าเพียง 9 ราย และไม่ได้มีการประกาศเชิญชวน และจัดประกวดราคาอย่างเป็นธรรม รวมไปถึงยังพบข้อมูลว่าผู้ค้า 9 ราย ส่งออกข้าวไม่ครบถ้วนตามสัญญา กว่า 9 แสนตัน ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และควรได้รับค่าปรับกว่า 2.7 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวน ดีเอสไอคาดว่า การดำเนินการในลักษณะดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิด มาตรา 12, 13 ตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ซึ่งมีผู้ที่ต้องรับผิด 3 คน ประกอบด้วย นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ และ นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศอย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเอาผิดกับบุคคลทั้ง 3 ตามอำนาจหน้าที่ ภายในสัปดาห์หน้า 'ไตรรงค์' ยืนยัน ไม่ฮั้วประมูลข้าว เชื่อ DSI เบี่ยงเบนประเด็นนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่ได้รับมอบหมายจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ให้ดูแลเรื่องการประมูลข้าวในสต๊อก โครงการประกันรายได้ของรัฐบาล ช่วงปี 2553 กล่าวว่า การที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ออกมาระบุว่า ตนเองและ นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีพฤติกรรมการทุจริตระบายข้าว ขอยืนยันว่า ไม่มีการฮั้วประมูล ตามที่ DSI ออกมาให้ข่าวอย่างแน่นอน ซึ่งมีข้อมูลและเอกสารทางราชการยืนยันได้ว่า มีการประมูลเกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการพยายามดึงความสนใจและเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อให้ประชาชนสับสน ในขณะที่ รัฐบาลพยายามผลักดันพระราชบัญญัติ เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท