ส.ว.สุรศักดิ์ ค้าน แก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง

พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา อภิปรายในการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ โดยกล่าวไม่เห็นชอบทั้ง 3 ร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกล่าวโจมตีฝั่งรัฐบาล ว่า ไม่ควรหาข้ออ้างเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เช่น มาตรา 190 ที่รัฐบาลได้ให้เหตุผลว่า การนำสัญญาระหว่างประเทศมาเปิดเผย จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ และทำให้พัฒนาล่าช้า ขณะที่มองว่าไม่จำเป็นที่สัญญาระหว่างประเทศจะต้องมีความลับ แต่กลับเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อีกทั้งการที่ประเทศเติบโตช้า เป็นเพราะการบริหารงานของรัฐบาลเอง เหมือนเช่นในขณะนี้ ที่ควรจะเร่งแก้ไขปัญหาบ้านเมือง แต่กลับมุ่งที่จะแก้ไขแต่รัฐธรรมนูญทั้งนี้เมื่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช ได้เป็นประธานในที่ประชุม ทาง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินออกจากที่ประชุม เพื่อจะแสดงจุดยืนถึงการไม่ยอมรับการเป็นประธาน เนื่องจากเชื่อว่า ไม่มีความเป็นกลาง ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่มาของ ส.ว. ขณะที่ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ภราดร ชี้ ม.68 ต้องแก้ให้ชัด-เริ่มอภิปรายต่อ 09.30 น.นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับว่า มาตรา 68 นั้น ควรมีการแก้ไขให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในวรรคที่ 2 เพราะในอดีตที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ เคยพิจารณาว่าต้องไปยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดก่อน ซึ่งมีความขัดแย้งกันกับที่เคยพิจารณา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2555 จึงเห็นว่าต้องมีการแก้ไขให้ชัดเจน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในอนาคตต่อไป ส่วนมาตรา 237 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจุบันขัดต่อหลักนิติธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ที่ไม่รู้เห็นต่อการกระทำความผิดกลับต้องรับความผิดไปด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรม ส่วนในเรื่องที่มาของ ส.ว.นั้น ควรแก้ไขให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะในปัจจุบัน ส.ว.สรรหา มีอำนาจเทียบเท่ากับ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งจากคนทั้งประเทศ ซึ่งเป็นเรื่อที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตยอย่างชัดเจนอย่างไรก็ตาม ภายหลังการอภิปรายของ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในเวลา 22.00 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้สั่งปิดการประชุมในทันที โดยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ จะเริ่มการอภิปรายตั้งแต่ เวลา 09.30 น.