แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ของ "มันโช่"
ช่วงเวลานี้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามทำแต้มไล่กวาดจ่าฝูงเยื่ยงหมาล่าเนื้อผู้หิวโหย ตามจี้ 4 คะแนน ก่อนที่จะพลิกซิวแชมป์ชนิดที่เหล่า "เร้ด อาร์มี่" เจ็บจี๊ดกันทั้งผอง
แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายใหญ่ เก็บความแค้นฝังไว้ในรากลึก หวังเอาคืนชนิดทบต้นทบดอก ผลิงอกจนกลายเป็นกำไร ให้สาสมกับที่เธอทำกับฉันไว้เมื่อคราวก่อน
ไม่มีกุนซือ "เรือใบ" หน้าไหนที่กล้าฉีกหน้าย่นๆ ที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดอันแดงเถือกของ "ป๋า" เท่ากับ โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้อีกแล้ว
ในเมื่อแกทำให้ "ป๋า" เจ็บ แกต้องเจ็บมากกว่าป๋าเป็น 2 เท่า !!
เอาเป็นว่าก่อนเกม "แมนเชสเตอร์ดาร์บี้" ที่จะปะทุขึ้นในค่ำคืนมันเดย์ไนท์ (8 เม.ย.) เราจะมาดูวีรเวร วีรกรรม ของกุนซือเจ้าของชื่อเรียกสั้นๆ ว่า "มันโช่" หนุ่มใหญ่ใจเกินร้อย สปอร์ต อิตาลี คนนี้ว่าฝากผลงานประทับบนยอดอกของ "เซอร์ เฟอร์กี้" ได้แสบเพียงใดนับตั้งแต่รับงานเมื่อ ธ.ค.2009
และต่อจากนี้ คือ 4 เกมที่ลงเอยด้วยชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้ ในศึกดาร์บี้แมตช์ ภายใต้การคุมทัพของ มันชินี่
1. แมนฯ ซิตี้ 2-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (ลีกคัพรอบรองฯ นัดแรก 19 ม.ค.2010)
ในขวบปีแรกเริ่มตั้งไข่ทำทีมที่เป็นมรดกตกทอดมาจาก มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือคนก่อน มันชินี่ พาทีมเก็บชัย 3 เกมรวด และแพ้ เอฟเวอร์ตัน 1 นัด ก่อนจะโคจรมาทำศึกดาร์บี้แมตช์ ครั้งแรกในชีวิต ในฉบับบอลถ้วย ลีกคัพ รอบตัดเชือก
แน่นอนว่าเกมนั้น ซิตี้ คว้าชัยไปด้วยสกอร์ 2-1 โดยแม้ว่า ไรอัน กิ๊กส์ ปีกผู้มากประสบการณ์เจ้าของตำแหน่งลงสนามมากสุดในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ (35 นัด) จะยิงประตูให้ "ผีแดง" นำก่อน แต่ลูกทีมวัยโจ๋ของกุนซือท่าจ๊าบจะฮึดยิงแซง 2 ลูกรวด
ที่แสบไปกว่านั้นคือ 2 ประตูที่ได้มาจาก คาร์ลอส เตเวซ อดีตแข้ง "ผี" ผู้ถูกเมิน วิ่งฉลองสุดเหวี่ยงต่อหน้าต่อตาท่านเซอร์ ...งานประเดิมครั้งนี้ แสบ 2 กระทอก
2. แมนฯ ซิตี้ 1-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (เอฟเอ คัพ รอบรองฯ 16 เม.ย.2011)
ฤดูกาลรุ่งขึ้นของ "มันโช่" ยังไม่สามารถนำ "เรือใบ" แล่นฉิวคว้าชัยเหนือเพื่อนบ้านร่วมละแวกได้แม้แต่เกมเดียวในเกมลีก ก่อนนำทีมกรีฑาทัพในเส้นทางสาย "เอฟเอ คัพ" เข้าสู่รอบตัดเชือกกับ "ปีศาจแดง"
เกมที่น่าจะเป็นทางฝ่ายอาคันตุกะคว้าตั๋วเข้าสู่เวมบลี่ย์ง่ายๆ จากโอกาสมากมายเป็นว่าเล่น แต่ความผิดพลาดในการรับส่งบอลเปิดทางให้ ยาย่า ตูเร่ รับบทพระเอกซัดประตูโทนในช่วงครึ่งหลัง ก่อนที่ มันชินี่ จะนำทีมพิชิต สโต๊ค ด้วยสกอร์เดียวกันในนัดชิงฯ คว้าแชมป์แรกในรอบ 35 ปีของสโมสร
3. แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก 23 ต.ค.2011)
เข้าสู่ซีซั่นที่ 3 ของผู้จัดการทีมหน้าเหมือน เนี่ยฟง (นึกภาพตาม เจิ้งอี้เจี้ยน ใน ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า) ที่เริ่มเพาะบ่มประสบการณ์ในเวทีพรีเมียร์ลีกมากมายจนถึงขั้นยกระดับ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงถ้วยลีกสูงสุดหมายเลข 1 กับ ยูไนเต็ด
"อภิมหาโลกาวินาศ" ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลาง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" บุกฝัง "ผี" ลงหลุมคาบ้านตัวเองอย่างน่าเจ็บใจ จากผลงานของ บาโลเตลลี่ 2, เอดิน เชโก้ 2, กุน กับ ซิลบา อีกคนละเมล็ด ส่วน แมนฯ ยูฯ ได้ประตูโทนของ เฟล็ทเชอร์ เป็นรางวัลปลอมใจเล็กน้อย แน่นอนว่าจุดเปลี่ยนคือใบแดงของ จอนนี่ อีแวนส์
ชัยชนะ 6-1 ที่ โรงละครแห่งความฝัน จึงกลายเป็นสกอร์ที่ แมนฯ ซิตี้ บุกยิง แมนฯ ยูฯ ถึงถิ่นได้ถึง 6 ลูกครั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปี (ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อในฤดูกาล 1925-26 สกอร์เดียวกัน)
4. แมนฯ ซิตี้ 1-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก 30 เม.ย.2012)
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ของ 2 ยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ก่อนถึงคิวดาร์บี้แมตช์ในวันสุดท้ายของเดือน เม.ย. "ปีศาจแดง" มีแต้มนำอยู่ 3 คะแนน ซึ่งศึกนี้ ถือเป็นแมตช์ชี้ชะตาแชมป์อย่างแท้จริง
ลูกทีมของ มันชินี่ ทำผลงานชนะเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน (รวมเกมนี้) ขณะที่ฝ่ายแดงทำ 4 แต้มหล่นหายไปกับเกมกับ วีแกน(แพ้ 0-1) และ เอฟเวอร์ตัน (เสมอ 4-4) ส่งผลให้ประตูชัยช่วงท้ายครึ่งแรกของ ก็องปานี พา แมนฯ ซิตี้ ทำแต้มเทียบเท่า แมนฯ ยูฯ แต่ครองตำแหน่งจ่าฝูงด้วยจำนวนประตูได้เสียที่เหนือกว่า
บทสรุป คือ ซิตี้ สร้างบทละครหักมุมสุดดราม่าในเกมสุดท้าย ก่อนผงาดซิวแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี
ศึก "แมนเชสเตอร์ดาร์บี้" ในเกมมันเดย์ไนท์ คือ การการคุมหัวเรือขบวนที่ 11 ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งก่อนหน้านี้พกสถิติ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 5
แม้ ว่าทัพ "อสูรแดง" จะโกยแต้มนำสุดกู่ แต่ดีกรีความระอุในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองนี้ ยังเป็นพาดหัวใหญ่ให้ต้องติดตาม ไม่แพ้การดวลแข้งของบรรดาเหล่าซูปตาร์ในวงการบันเทิงของบางประเทศแน่นอน
-จ่าตุ๊-
(tuta_giggs11@hotmail.com)