ทนายเปี๊ยกผวา! "แฝดเกรียน" ได้ประกันตัว จ้าง รปภ.อารักขา
จากกรณี นายสุพจน์ หรือ แบงก์ ศิลารัตน์ อายุ 32 ปี และ นายสุพัฒน์ หรือ เบนซ์ ศิลารัตน์ อายุ 32 ปี สองพี่น้องฝาแฝด ที่เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ เมื่อปี 2555 ถูกตำรวจ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า หลังก่อเหตุยิง พ.อ.อ.จงกล พิจิตรพลากาศ หรือ ทนายเปี๊ยก อายุ 58 ปี พร้อมลูกน้องจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยศาลอนุญาตให้ทั้งคู่ประกันตัวไปสู้คดี ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าคดีพยายามฆ่าแฝดเกรียน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบว่า พ.อ.อ.จงกล ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว เบื้องต้น พ.อ.อ.จงกลยังไม่ได้ร้องขอกำลังตำรวจไปคุ้มครอง แต่ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปเฝ้าดูและรักษาความปลอดภัยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้เสียหาย แต่หากพ.อ.อ.จงกลยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย และเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปข่มขู่พยาน สามารถยื่นคำร้องต่อศาลให้นำตัวฝากขังต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
พ.ต.อ.นราเดชกล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีว่า ตำรวจให้ความเป็นธรรมในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพกล้องวงจรปิด ตั้งแต่หน้าปากซอยตามแยกไฟแดงใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เพื่อมัดตัวผู้ก่อเหตุ ส่วนปลอกกระสุนปืนที่พบในจุดเกิดเหตุจำนวน 14 ปลอกพบว่าเป็นปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. และสงสัยว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนกล็อกเพราะคนร้ายได้กระหน่ำยิงออกมาไม่ต่ำกว่า 10 นัดทางตำรวจเองส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนน่าจะทราบว่ามาจากอาวุธปืนชนิดใดต่อไป
วันเดียวกัน พ.อ.อ.จงกล หรือทนายเปี๊ยก ให้สัมภาษณ์ ′ข่าวสด′ ว่า ต้องขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่เสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมกับกระบวนการ เพราะหลังจากเกิดเหตุดูเหมือนว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเตรียมความพร้อมที่จะเข้ามามอบตัวสู้คดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากหลังทราบว่ามีการออกหมายจับกุม ทั้งคู่รีบชิงมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ก่อน โดยมีทนายความมาด้วยสองคน และเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวในชั้นตำรวจทันที
พ.อ.อ.จงกลกล่าวว่า แม้ว่าพ.ต.อ.นราเดชเห็นว่า คดีดังกล่าวเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพราะพฤติการณ์การก่อเหตุของคนร้ายทั้งสองไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และไม่เคารพกฎหมายจึงคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่กลับได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ด้วยหลักทรัพย์เพียงคนละ 500,000 บาทเท่านั้น
"ขอยืนยันสาเหตุที่ผมถูกลอบยิงในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าเกิดจากการที่ไปรับทำคดีความให้อดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งพร้อมกับพวกอีก 2 คน ที่ไปทำร้ายคู่กรณีภายในร้านก๋วยเตี๋ยวตลาดวงศกรเขตสน.คันนายาว จนศาลชั้นต้นตัดสินสั่งจำคุกอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว โดยมีทนายความคนอื่นทำคดีให้ และต่อมาเห็นว่าทะเลาะกันกับทนายความคนเก่า อดีตผู้ใหญ่บ้านจึงเดินมาหาผมที่สำนักงานทนายความ เพื่อให้เป็นทนายว่าคดีให้ โดยผมไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายสักบาทเดียว" ทนายเปี๊ยกกล่าว
พ.อ.อ.จงกลกล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษา โดยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมีนายสุพจน์และนายสุพัฒน์ สองพี่น้องฝาแฝดเดินทางไปคุ้มกันด้วย กระทั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือให้จำคุกผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ทำให้ทางนายสุพจน์และนายสุพัฒน์แสดงความไม่พอใจ ที่ไม่สามารถว่าความทำให้ลูกพี่พ้นผิดและประกันตัวออกมาในเวลานั้นได้ โดยทั้งคู่แสดงกิริยาอาฆาตมาดร้ายด่าทอข่มขู่อย่างป่าเถื่อน
"ผมพยายามให้เหตุผลถึงกระบวนการยื่นประกันตัวว่า เวลานั้นไม่สามารถยื่นได้ทัน เพราะต้องเขียนฎีกาพร้อมกับการยื่นประกันตัวตามกฎหมาย ทำให้อดีตผู้ใหญ่บ้านยื่นถอนออกจากการเป็นทนาย ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นสิทธิของลูกความ แต่หลังจากนั้นนายสุพจน์และนายสุพัฒน์ได้มาที่บ้าน อ้างว่าจะมาเอาสำนวนทั้งหมดให้ทนายคนใหม่ทำ และยังทำท่าทีก้าวร้าวข่มขู่ผมไม่เลิก" ทนายเปี๊ยกกล่าว
พ.อ.อ.จงกลกล่าวว่า กระทั่งวันเกิดเหตุเย็นวันที่ 13 เม.ย. นายสุพจน์และนายสุพัฒน์ ลงมือก่อเหตุโดยซุ่มอยู่ข้างเสาไฟ กระหน่ำยิงปืนใส่กลุ่มตนที่นั่งฉลองวันสงกรานต์กันอยู่ โดยภาพกล้องวงจรปิดของบ้านตนสามารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด โดยเป็นภาพนายสุพจน์และนายสุพัฒน์ขับรถจักรยานยนต์มาด้วยกันสองคนและสวมหน้ากากการ์ตูนและหน้ากากผี แต่ไม่ได้สวมหมวกปิดบังใบหน้า มองเห็นทรงผมตัดเกรียนและรอยสักชัดเจน เป็นสิ่งยืนยันว่าไม่ผิดตัวแน่นอน
พ.อ.อ.จงกลยังกล่าวอีกว่า หลังจากทราบข่าวว่าศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกมา ทางครอบครัวทั้งลูกและเมียรู้สึกหวาดกลัวว่าทั้งสองจะย้อนกลับมาทำร้ายอีก จึงจ้างเวรยามรักษาความปลอดภัยประจำอยู่หน้าบ้านตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเกรงใจตำรวจต้องมาดูแลความปลอดภัยให้ตลอดคงไม่ได้ หากร่างกายตนแข็งแรงขึ้นจะรีบให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด และจะทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวอีกครั้ง ส่วนอาการของนายธีรพล และนายวาสนา ลูกน้องที่ถูกลูกหลงไปด้วยกระสุนเจาะเข้าที่หน้าท้องทั้งคู่ อาการยังสาหัสต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่อไป ยังดีที่ตนมีปืนติดบ้านอยู่จึงใช้ยิงตอบโต้กลับไป ไม่เช่นนั้นฝาแฝดทั้งคู่คงตามมายิงซ้ำจนเสียชีวิตไปแล้ว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด