สภากห.รอทูตวีรชัยสรุปคดีพระวิหารหลังพบนายกฯ

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการประชุมสภากลาโหม ในวันนี้ ว่า มีวาระสำคัญที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม 3 เรื่อง คือ 1. การสรุปภาพรวมของการดำเนินงานกับประเทศ เพื่อนบ้าน 2. สรุปการปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3. กรณีการไปชี้แจงต่อศาลโลกกรณีเขาพระวิหาร โดย 2 เรื่องแรกเป็นการรายงานตามปกติที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ 3 ถือเป็นเรื่องพิเศษ ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นผู้ชี้แจง และสรุปภาพรวมต่อที่ประชุม เนื่องจากเป็นตัวแทนของฝ่ายกองทัพ ที่เดินทางไปร่วมคณะทนายไทยที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ การชี้แจงกรณีเขาพระวิหาร อาจจะต้องให้ นายวีระชัย พลาศรัย เอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก เป็นผู้สรุปภาพรวมทั้งหมด หลังจากคณะได้เข้าพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภากลาโหม จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. จนถึง เวลา 12.00 น. "สุรพงษ์" พร้อมทีมทนายจะเข้าพบ นายกฯ บ่ายนี้ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทีมทนายต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร จะเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นจะมาแถลงข่าว ที่ กต. เวลา 16.00 น. อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ นายชิมิดดอร์จ บัตทูเมอร์ (H.E. Mr. Chimeddorj Battumur) เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะบันทึกเทปโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ในโอกาสเดินทางเยือนมองโกเลีย และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 22 ณ บรูไนดารุสซาลาม ด้วย 'สุกำพล' พร้อมส่งพิกัดแผนที่ศาลโลกยันสัมพันธ์เขมรดีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมว่าทางคณะทำงานฝ่ายไทยในคดีพิพาทพื้นที่เขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา มีความพอใจในการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก เพราะเรามีเหตุผลที่ดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทางกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดทำแผนที่พิกัดพื้นที่ใกล้เคียงรอบปราสาทพระวิหาร เสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมส่งต่อศาลโลก ภายในวันที่ 26 เมษายนนี้ โดยจัดทำด้วยความรอบคอบขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้ง 2 ประเทศ ยังเป็นไปอย่างดี และไม่ต้องกำชับ หรือ ทำความเข้าใจ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในชายแดนไทยกัมพูชาแต่อย่างใด เพราะทุกคนได้ติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด