DSIเรียก6ส.ส.ปชป.รับทราบข้อหาเงินบริจาคพรรค

DSIเรียก6ส.ส.ปชป.รับทราบข้อหาเงินบริจาคพรรค

DSIเรียก6ส.ส.ปชป.รับทราบข้อหาเงินบริจาคพรรค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ ว่าในวันนี้ได้เชิญคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดแรก 6 คน ผู้ที่ถูกกล่าวหา ที่ไม่ได้ทำเป็นแคชเชียร์เช็ค หรือ เช็คขีดคร่อม ให้พรรคประชาธิปัตย์ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มารับทราบข้อกล่าวหา ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.30 น. โดยใช้เวลาคนละ 1 ชั่วโมง ส่วนคนอื่นนั้นจะต้องทยอยมาทีหลังตามวันเวลาที่นัดหมายไป รวมทั้งหมด 46 คน จำนวน 8 วัน คือ วันที่ 23 - 26 เม.ย. และ 29 เม.ย. - 2 พ.ค. นี้ โดยในวันที่ 2 พ.ค. จะเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาในเวลาบ่ายโมง ส่วนขั้นต่อไป ก็จะให้ผู้ถูกกล่าวหา เตรียมข้อมูลชี้แจงเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งสามารถขอเวลาเพิ่มได้ แล้วแต่เหตุผล ส่วนการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นขั้นตอนต้องทำ ไม่ใช่ถือว่ามีการกระทำผิด ส่วนข่าวผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ โทรศัพท์ต่อว่านั้น ไม่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่า เป็นขั้นตอนที่ทุกคนต้องทำ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ มีหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมายไม่ใช่ผู้ร้องเรียนจะกระทำผิด แต่ต้องพิสูจน์จนกว่าจะทราบ ยืนยันไม่หนักใจ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดแรก 6 คน ที่จะพบดีเอสไอ ประกอบด้วย นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายกรณ์ จาติกวณิช นายเกียรติ สิทธีอมร นายกษิต ภิรมย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายโกวิทย์ ธารณา 'อภิสิทธิ์' นำ20 ส.ส.รับทราบข้อกล่าวหาDSI นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า  วันนี้ สมาชิกของพรรค จะไปรับทราบข้อกล่าวหาจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI คดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ เกือบ 20 คน จาก 44 คน โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ใหญ่ในพรรค ร่วมเดินทางโดยรถบัสด้วย ส่วนเรื่องโทรศัพท์ไปต่อว่า  DSI ในเรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคเคารพกฎหมาย รวมถึง การเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา เป็นการทำงานนอกเหนืออำนาจ มาตรา 157  เพราะคดีนี้ต้องประสานกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ก่อน  ตลอดจน ต้องแจ้งข้อหากับเลขาธิการสภา ที่หักเงินเดือน ส.ส. ด้วยทั้งนี้ ส่วนตัวยังสงสัยงว่า เหตุใด DSI จึงหยิบคดีของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา มาเป็นคดีร้อน จนเกิดความไม่ชอบธรรมต่อพรรค  เพราะหากผิดจริง ภายใน 5 ปี กกต. ต้องสั่งยุบพรรคแล้ว โดยเรื่องการเอาผิดตาม มาตรา 157 ทางพรรคจะให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการต่อไป ดีเอสไอ นำแผงเหล็กกั้น มวลชน ส.ส.ปชป. มาคดีเงินบริจาคบรรยากาศล่าสุดที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้มีการนำแผงเหล็กมาวางกั้น เพื่อเตรียมจัดระเบียบพื้นที่ให้กับมวลชน ที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ บรรดา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเดินทางมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณีบริจาคเงินจำนวน 2 หมื่นบาท ให้พรรคการเมือง โดยไม่จ่ายเป็นเช็ค หรือ ตั๋วแลกเงิน ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง โดย ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงเช้าวันนี้ ประกอบด้วย นายกนก วงษ์ตระหง่าน / นายกรณ์ จาติกวณิช / นายเกียรติ สิทธีอมรขณะที่ ช่วงบ่ายจะมี นายกษิต ภิรมย์ นางกัลยา โสภณพานิช และนายโกวิทย์ ธารณา เข้ารับทราบข้อหา สำหรับคดีนี้ ดีเอสไอ ได้ออกหนังสือเชิญ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมด 46 คน ซึ่งจะทยอยเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาตามลำดับ  ขณะที่ กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมเรียกร้องขอให้ศาลรัฐธรรมก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ บริเวณด้านหน้าอาคารศาลรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ติดกับ ดีเอสไอ ยังคงปักหลักชุมนุม และมีการเปิดเพลงปลุกใจผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องสำหรับการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 1 กองร้อย มาดูแลรักษาความเรียบร้อย พื้นที่โดยรอบอาคารดีเอสไอ โดยมีการเตรียมแผนรองรับ หากมวลชนทั้ง 2 กลุ่ม เกิดการเผชิญหน้าส.ส.ปชป. 30 คน บุก ดีเอสไอ คดีเงินบริจาคพรรคนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ นำ นายกรณ์ จาติกวณิช นายกษิต ภิรมย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช นายวัชระ เพชรทอง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายอิสระ สมชัย  นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ พร้อมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ รวม 30 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 กรณีที่บริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยหักบัญชีธนาคาร เกิน 2 หมื่นบาทโดยระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้งข้อกล่าวหาของ ดีเอสไอ เนื่องจาก เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินบำรุงพรรค ไม่ใช่เงินบริจาค รวมไปถึง หากเรื่องดังกล่าวมีความผิดจริง ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในการตรวจสอบดำเนินการ ไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอ จึงเชื่อว่าการดำเนินคดีครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาล ที่ต้องการบีบให้ พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับกฎหมายนิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ารังเกลียดและน่าละอาย  แต่ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ในการเดินทางมาให้ปากคำ และพิมพ์ลายนิ้วมือลงในเอกสารตามกฎหมายกำหนด แต่จะไม่ลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา รวมไปถึง ไม่อนุญาตภาพและเสียงขณะให้การแต่อย่างใด  
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook