คิดถึง "เฟอร์กี้" ดูคลิปคลาสสิกย้อนรอยมุมขำขันในความทรงจำของแฟนบอล
ฟุตบอล : วันที่ 8 พฤษภาคม กลายเป็นวันที่วงการลูกหนังโลกต้องเศร้ากับการประกาศอำลาตำแหน่งกุนซือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือสก็อตของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซึ่งตลอดเวลา 27 ฤดูกาลที่เซอร์อเล็กซ์ คุมทีมมา มีความทรงจำและเรื่องราวมากมายให้แฟนบอลได้จดจำ ทั้งความผิดหวัง และความสำเร็จอย่างมหัศจรรย์ รวมไปถึงเรื่องราวมุมขำขันที่เกิดขึ้นระหว่างทาง
หนึ่งในเหตุการณ์คลาสสิกที่แฟนบอลจดจำได้ดีย่อมเป็นท่าสะดุ้งตกใจจากฝีมือเหยียบลูกโป่งแตกของไมค์ฟีแลนผู้ช่วยกุนซือซึ่งนั่งลุ้นเกมในฤดูกาล2008
คำเตือน: มีคำสบถที่ไม่เหมาะสม
(และมีหมากฝรั่งตามสไตล์)
อีกหนึ่งเหตุการณ์ข้างสนามเมื่อปี 2012 เฟอร์กี้ นอกจากจะพาทีมเปิดบ้านเจ็บตัวโดนแอธเลติก บิลเบา บุกมาถอนหงอก 3-2 ในศึกยูโรป้า ลีกแล้ว เซอร์อเล็กซ์ ยังต้องมาเจ็บเองอีกเมื่อโดนบอร์ดของผู้ช่วยผู้ตัดสินหล่นทับใส่ขาจนร้องจ๊ากอีกด้วย
ป๋าถึงกับร้อง..!
เป็นที่รู้กันดีว่า เซอร์อเล็กซ์ ได้รับขนานนามจากลูกทีมว่า "แฮร์ดรายเออร์" หรือ เครื่องเป่าผม จากการว๊ากนักเตะที่ฟอร์มไม่ดีในห้องแต่งตัวแบบระยะเผาขน แต่นอกสนามแล้วเซอร์อเล็กซ์ ยังเป็นคนมีอารมณ์ขันและเป็นมิตร ซึ่งเหล่ากุนซือที่เคยเป็นคู่ปรับมายาวนานอย่าง อาร์แซน เวงเกอร์ หรือโจเซ่ มูรินโญ่ ต่างสนิทสนม และปรับความเข้าใจกับเซอร์อเล็กซ์ ภายหลังช่วงเวลาขับเคี่ยวทำผลงานกันมาโดยเฉพาะคู่ปรับอย่าง เวงเกอร์ กุนซือคู่เดือดในช่วงกลางยุค 90
หลายปีที่ผ่านมาทั้งคู่ต่างแสดงเคารพในการทำงานของแต่ละฝ่าย เห็นได้จากขณะที่ออกงานอีเวนท์ร่วมกัน เซอร์อเล็กซ์ ยังแหย่ยกไมค์ทำท่าตีศรีษะ เวงเกอร์ เมื่อกุนซือน้ำหอมตอบคำถามพิธีกรว่า อยากเซ็นนักเตะแมนฯยูไนเต็ดคนไหนมากที่สุด ซึ่งเวงเกอร์ ตอบว่า "โรนัลโด้" โดยให้เหตุผลว่า เกือบคว้าตัวมาได้แต่ขาดเงินเพียง "เล็กน้อย" เท่านั้น
ดูนาทีที่ 2.00 (ก่อนหน้านี้ เซอร์อเล็กซ์ ยังโอนภาระให้ ฟาบิโอ คาเปลโล
ซึ่งยังทำงานกับทีมชาติอังกฤษอยู่ หลังถูกถามว่า อะไรสำคัญที่สุดระหว่าง "สโมสรต้นสังกัด" หรือ "ทีมชาติอังกฤษ")
นอกเหนือจากเครื่องหมายการค้า "คิง ออฟ คัมแบ็ค" แมนฯยูไนเต็ด เป็นยอดทีมแห่งการพลิกสถานการณ์ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เซอร์อเล็กซ์ ประสบความสำเร็จมาตลอดการทำงาน ส่วนหนึ่งยังมาจากบารมี และการควบคุมดูแลนักเตะในทีม ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมีชัยในการงัดข้อกับกุนซือถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดมาก่อน เหล่านักเตะที่ไม่ลงรอยกับเซอร์อเล็กซ์ เป็นฝ่ายเดินจากสโมสรไปแทบทุกราย อย่างเช่น ยาป สตัมพ์, กาเบรียล ไฮน์เซ่ หรืออาจรวมถึงเดวิด เบ็คแฮม ด้วยก็เป็นได้
ขณะเดียวกันนักเตะที่งัดข้อเรื่องสัญญาต่างถูกสยบ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่งอแงย้ายไปมาดริด ก็โดนสยบไปได้ 1 ฤดูกาล ก่อนบีบประตูย้ายทีมได้ ขณะที่เวย์น รูนี่ย์ ก็ต้องยอมก้มหน้าเช่นกัน แต่สำหรับสถานการณ์ที่จะกล่าวถึง หัวหอกทีมชาติอังกฤษรอดตัวได้แบบหวุดหวิด เมื่อเจ้าตัวไปเล่นเกมใบ้คำในรายการของสโมสร และต้องใบ้ประโยค "เบนด์ อิท ไลค์ เบ็คแฮม" สโลแกนดังของเดวิด เบ็คแฮม
รูนี่ย์ อับจนหนทาง จนต้องทำท่าสตั๊ดพุ่งเข้าหน้า สื่อถึงกระแสข่าวลือเรื่องที่เซอร์อเล็กซ์ เคยตกเป็นข่าวปาสตั๊ดใส่หน้าเดวิด เบ็คแฮม ซึ่งสุดท้ายไรอัน กิ๊กส์ ก็ตอบถูกจนได้
แต่หลังคำตอบจากปีกคู่ใจ เซอร์อเล็กซ์ โพล่งตอบ ฝากถึงรูนี่ย์ ทันทีว่า "นายต้องโดนดีแน่"
สีสันเหล่านี้กำลังจะเป็นเพียงความทรงจำที่เหลืออยู่ ฟุตบอลอังกฤษในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะกลายเป็นยุคใหม่ เป็นยุคที่แฟนบอลไม่ได้เห็นฝีมือยอดกุนซือผู้เป็นที่เคารพและเป็นสีสันให้กับลีกอังกฤษมาตลอด 20 ปีหลัง การอำลาตำแหน่งครั้งนี้ย่อมส่งผลต่อวงการลูกหนังแดนผู้ดีไม่น้อย ไรอัน กิ๊กส์ ต้องเล่นให้กับต้นสังกัดโดยไม่มีเซอร์อเล็กซ์ คุมทีมเป็นครั้งแรก นักเตะที่เคยเป็นขวัญใจของแฟนบอลอาจถูกขายออกไป ทีมอาจเปลี่ยนรูปโฉมไปภายใต้กุนซือคนใหม่ที่จะได้รับรู้ในอนาคตอันใกล้
แต่ประเด็นที่น่าสนใจฟุตบอลอังกฤษกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาตั้งต้นใหม่เป็นการพลิกกระดานครั้งสำคัญ ฤดูกาลหน้าอาร์แซน เวงเกอร์จะกลายเป็นกุนซือพี่ใหญ่ของลีกพรีเมียร์ลีกเหลือเพียงเวงเกอร์ที่คุมทีมในมายาวนานที่สุด ตามมาด้วยเดวิด มอยส์ กับเอฟเวอร์ตัน
บรรยากาศของฟุตบอลอังกฤษตอนนี้ ทีมระดับแถวหน้าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, สเปอร์ส, ลิเวอร์พูล รวมถึงเชลซี ที่กำลังจะได้กุนซือคนใหม่ในฤดูกาลหน้าเช่นเดียวกับปีศาจแดง หรือแม้แต่ อาร์เซนอล ต่างพร้อมปลดกุนซือของทีมได้ทุกเมื่อ กุนซือที่เหลืออยู่ไม่มีใคร มีบารมีความสำเร็จที่สั่งสมมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องในเส้นทางการคุมทีมมากถึง 26 ปีได้เทียบเท่ากับ เซอร์อเล็กซ์ อีกแล้ว รากฐานของแต่ละทีมกำลังถูกก่อร่างสร้างสมขึ้นมาใหม่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
น่าสนใจว่าโฉมหน้าการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลในลีกอังกฤษในอนาคตจะออกมาอย่างไร จะมีกุนซือคนใหม่ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว กลายมาเป็นตำนานคนต่อไปหรือไม่ ตัวชูโรงในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่คนต่อไปจะเป็นใคร น่าติดตามทีเดียว