รองผบ.ตร.เรียกผู้ประกอบการแก๊สแจ้งข้อหา

พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ ปนม.ตร. เชิญผู้แทนนิติบุคคลของโรงบรรจุก๊าซ และผู้แทนสถานีน้ำก๊าซรถยนต์ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีการทุจริตลักลอบนำก๊าซหุงต้มไปขายผิดประเภท ส่งผลให้รัฐบาล สูญเสียงบประมาณในการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือนหลายหมื่นล้านบาททางด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่ามีโรงบรรจุก๊าซเข้าข่ายกระทำความผิดแล้วจำนวน 70 โรงบรรจุ และสถานีบริการก๊าซรถยนต์ อีกจำนวน 100 สถานี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกหมายเรียกผู้เข้าข่ายกระทำความผิดมารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว 40 โรงบรรจุ แต่ขอเลื่อนจำนวน 21 แห่ง ในวันนี้จึงได้ออกหมายเรียกให้ผู้ที่ขอเลื่อน และในส่วนที่พบเข้าข่ายกระทำความผิดเพิ่มเติมมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งยังมีบางส่วนไม่เดินทางมา และทางพนักงานสอบสวน จะพิจารณาถึงเหตุผลที่ขอเลื่อนในครั้งนี้ หากเหตุผลไม่เพียงพอ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาออกหมายจับต่อไปขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังพบข้อมูลว่ามีผู้ค้า ตามมาตรา 7 จำนวน 3-4 ราย ได้ตั้งบริษัทนอมินีเพื่อนำก๊าซจากท่าเรือไปยังสถานีบริการก๊าซรถยนต์ โดยไม่บรรจุเป็นก๊าซหุงต้มรวมกว่า 15,000 ตัน และพบสถานีบริการก๊าซรถยนต์อีกกว่า 300 แห่ง ที่เข้าข่ายกระทำความผิด และขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในความผิดตาม พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 อัตราโทษจำคุก 10 ปี และปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนอกจากนี้ พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนจับกุมการทุจริตก๊าซหุงต้ม พบว่าตัวเลขการใช้ก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ลดลงจากเดิม 2,500 ตันต่อวัน ทำให้รัฐบาล ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการชดเชยส่วนต่าง ประมาณวันละ 6 ล้านบาท หรือเดือนละ 180 ล้านบาท และยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ