อีกแล้ว! พระเป็นเจ้ามือ จับกลุ่มชาวบ้านเล่นพนันบั้งไฟโจ๋งครึ่ม

คลิปหลุดงานบุญบั้งไฟที่ศรีสะเกษ จัดเล่นพนันแฝงกันโจ่งแจ้ง พระสงฆ์เป็นเจ้ามือ จับกุมชาวบ้านเล่นพนัน มีเงินหมุนเวียนวันละหลายแสนบาท ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า จากการที่หลายพื้นที่ใน จ.ศรีสะเกษ มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟกันเป็นจำนวนมากแทบจะทุกอำเภอ เพื่อขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ประเพณีบุญบั้งไฟมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการลักลอบเล่นพนันบั้งไฟกันทั้งสิ้น โดยที่บ้านเมืองแคน ต.เมืองแคน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ปรากฎว่า มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ โดยอ้างว่า เพื่อหาเงินไปซื้ออาหารเลี้ยงลิง เนื่องจากมีลิงจำนวนมากอาศัยอยู่ในป่าสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน และมีการนำเอาบั้งไฟจากสถานที่ต่าง ๆ มาจุดแข่งขันกันกว่า 15 บั้ง พร้อมทั้งมีการจับเวลาเล่นพนันบั้งไฟกันอย่างคึกคัก มีการให้เช่าเก้าอี้ ตัวละ 20 บาท และร่มคันละ 100 บาท สำหรับเล่นพนันบั้งไฟ และมีการขายโพยพนันบั้งไฟให้กับบรรดาเซียนพนันที่มาเล่นพนันบั้งไฟในครั้งนี้ มีบรรดาเซียนพนันหลายร้อยคนต่างพากันต่อรองราคาพนันบั้งไฟกันอย่างคึกคัก ทำให้มีเงินหมุนเวียนในการเล่นพนันแต่ละแห่งวันละหลายแสนบาทถึงกว่า 1 ล้านบาท เป็นประจำทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ในการเล่นพนันบั้งไฟ ที่บ้านเมืองแคน ครั้งนี้ ปรากฏว่า มีพระสงฆ์ จำนวนประมาณ 20 รูป ไม่ทราบว่ามาจากวัดที่ใด พากันมาจับกลุ่มลักลอบเล่นพนันบั้งไฟกับชาวบ้านกันอย่างโจ๋งครึ้ม โดยพระบางรูปตั้งตัวเป็นเจ้ามือรับแทงพนันบั้งไฟจากชาวบ้านที่มาชมและเล่นพนันบั้งไฟ โดยไม่แคร์ต่อสายตาของชาวบ้านจำนวนมากที่พากันมาชมการจุดบั้งไฟในครั้งนี้ และยังไม่ปรากฎว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการจับกุมปราบปรามการเล่นพนันบั้งไฟแต่อย่างใด โดยพระจะถือโพยและเงินรับแทงพนันไว้ในมือ เพื่อให้ชาวบ้านมาแทงพนันบั้งไฟด้วย และเมื่อบั้งไฟถูกจุดพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ก็จะพากันส่งเสียงร้องเชียร์บั้งไฟกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็จะมีการจ่ายเงินพนันกัน

ด้าน พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผบช.ภาค 3 กล่าวว่า ในการปราบปรามอบายมุข พวกพนันฟุตบอล และบ่อนการพนันต่าง ๆ ตนได้ให้แนวทางไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องบ่อนการพนัน และตู้ม้าไฟฟ้า ห้ามมีโดยเด็ดขาด รวมถึงเรื่องโสเภณี ไม่ให้มีการบังคับค้า ทั้งนี้ได้ให้รองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบลงไปควบคุมดูแล และกำชับทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดไปแล้ว หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์ ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะว่าตัวเองมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบในการดูแลอยู่แล้ว กลับไปทำผิดซะเอง ก็น่าจะต้องได้รับโทษรุนแรงกว่าคนอื่น