ปานศิริยันบึ้มหน้ารามฯไม่เกี่ยวไฟใต้-EODตรวจสอบ
รอง ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เผย เหตุระเบิดรามคำแหง 43/1 เป็นชนิดแสวงเครื่อง หนัก 1 กก. มุ่งปมขัดแย้งผู้ค้าในพื้นที่ สั่งตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดล่าตัว ด้าน ผบ.ทบ. รอตำรวจสอบระเบิด อาจโยงใต้ได้
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภาย หลังเดินทางเข้าตรวจสอบเหตุระเบิด บริเวณ ซ.รามคำแหง 43/1 ถนนรามคำแหง ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรในพื้นที่ พบว่าเหตุระเบิดดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20:39 น. เบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 คน เป็น หญิง 5 คน ชาย 2 คน ราย ส่วนเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรือ EOD สามารถเก็บภาชนะบรรจุ , สายไฟ และเศษตะปู ได้จำนวนมาก เบื้องต้น ระเบิดดังกล่าวมีศักยภาพทำลายถึงชีวิตได้
ส่วนประเด็นและสาเหตุในครั้งนี้ ยังต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้น คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นแผงค้าขายในพื้นที่ มั่นใจไม่เชื่อมโยงประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพวันนี้ รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตรวจสอบ จะประชุมร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้มอบหมายให้ ฝ่ายสืบสวน ไปสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว
ผบช.น. ประชุมเครียด เหตุบึ้มรามคำแหง 43/1
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมชุดชุดพนักงานสืบสวน หลังเกิดเหตุระเบิด
บริเวณหน้าร้านทำผม "ออกัส" ปาก ซ.รามคำแหง 43/1 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 6 คน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กระจกร้าน ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ปลูกติดกัน 3 คูหา กระจกร้านแตกเสียหาย ส่วนร้านค้าแผงลอย ได้รับความเสียหายจำนวน 4-5 ร้าน โดย ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ขณะนี้ได้ส่งฝ่ายสืบสวน เร่งหาสาเหตุ พร้อมทั้งมีการแบ่งหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 สน.หัวหมาก เร่งตรวจสอบอย่างละเอียด โดยอยากฝากไปถึงประชาชน หากพบเห็นเหตุการณ์ สามารถแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ได้
EOD เข้าตรวจสอบเหตุระเบิด ซ.รามฯ 43/1
ความคืบหน้าเหตุระเบิด บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย เมื่อคืนที่ผ่าน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ยังคงนำเชือกมากั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าไปยุ่งเกี่ยวในจุดเกิดเหตุ และรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้ สภาพความเสียหายบริเวณจุดเกิดเหตุ ยังคงพบเห็นเศษวัสดุอุปกรณ์ ตกเกลื่อนกระจัดกระจายเต็มพื้นถนนรามคำแหง กินพื้นที่ 2 ช่องจราจร ส่วนกระจกร้านเสริมสวย ออกัส แตก 1 บาน ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม การจราจรบริเวณถนนรามคำแหง ในฝั่งขาออก จากช่วงแยกวัดเทพลีลา มุ่งหน้า การกีฬาแห่งประเทศไทย ติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปิดการจราจร 2 ช่องทาง บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ขณะที่ประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เดินทางเข้ามาดูสภาพความเสียหาย และจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กองปราบส่งทีมร่วมสอบเหตุระเบิดรามฯ43/1
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองบังคับการปราม เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ได้ส่ง
ทีมเข้าร่วมตรวจสอบเหตุระเบิด บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้ว โดยจะมีการประชุมร่วมกัน ในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ในส่วนของกองปราบ
พร้อมดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งการติดตามความเคลื่อนไหว โดยประสานข้อมูลข่าวสารจากผู้ที่เกี่ยวข้อง การสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมถึงการเฝ้าระวังอื่น ๆ แต่ขณะนี้ในส่วนของกองปราบ ยังไม่มี
เบาะแสที่แน่ชัด ซึ่งต้องไปดูความขัดแย้งหรือประเด็นที่นำมาซึ่งการก่อเหตุก่อน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.สุพิศาล ยังกล่าวด้วยว่า เบื้องต้นต้องตรวจสอบระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวก่อน เฉพาะ
ส่วนประกอบของระเบิด ประเภทดินระเบิด ตะปูเรือใบที่งอ วัสดุที่ใช้ห่อหุ้ม หรือองค์ประกอบที่บ่งบอกสัญลักษณ์ว่าปรากฏอยู่กลุ่มไหน ซึ่งทราบว่าหน่วย EOD อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ตร.เร่งตรวจสอบCCTVหามือซุกบึ้มรามคำแหง
พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าเหตุ
ระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ว่า ล่าสุดฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ได้สอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 คนแล้ว โดยอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าร้านทำผม และหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยรามคำแหง และบริเวณเส้นทางเพิ่มเติมแล้ว โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบวัตถุระเบิดจากหน่วย EOD ก่อน ส่วนเบาะแสอื่น ๆ ยังไม่ขอเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี ผ่านระบบคอนเฟอร์เรนซ์ มายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล
'พล.ต.อ.ปานศิริ' ประชุมคืบหน้าคดีระเบิดรามฯ 43/1
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณ ปากซอยรามคำแหง 43/1 แล้ว หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เข้ามาตรวจพิสูจน์และเก็บวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไปแล้ว 1 รอบ และในช่วงเช้าวันนี้ได้เข้าตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลังหาชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดที่อาจหลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะที่ยังมีการปิดการจราจรบริเวณถนนรามคำแหง 43/1 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงาน ส่วนธนาคารกรุงเทพ และร้านเสริมสวยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดเมื่อคืน ได้เปิดทำการตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มายัง สน.หัวหมาก เพื่อรับทราบความคืบหน้า และแนวทางในการสืบสวนติดตามมือ
วางระเบิดดังกล่าว
ปานศิริเผยบึ้มรามฯมุ่งปมขัดแย้งผู้ค้าในพื้นที่
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิด บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 โดยมี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รายงานความมคืบหน้า โดยในส่วนของความคืบหน้าคดีนั้น วัตถุระเบิดสันนิษฐานว่าเป็นชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ลักษณะการประกอบใช้ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด ส่วนกล้องวงจรปิด หรือ CCTV จากธนาคารกรุงเทพสาขาย่อย รามคำแหง บริเวณใกล้เคียง สามารถ
บันทึกภาพก่อนเกิดเหตุไว้ได้ ซึ่งได้ให้พนักงานสอบสวน ประสานกับทางธนาคาร เพื่อขอภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานแล้ว คาดว่าจะสามารถนำมาตรวจสอบได้ในเช้าวันนี้ นอกจากนี้ กำชับให้พนักงานสอบสวน ติดตามสอบปากคำผู้ได้บาดเจ็บบางรายที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านด้วย
ส่วนข้อมูลผู้ต้องสงสัย ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยได้วางแนวทางการสอบสวน โดยมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งของผู้ค้าในพื้นที่และจะมีการติดตามเจ้าหน้าที่เก็บขยะของกรุงเทพมหานคร มาสอบปากคำด้วย พร้อมประสานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งขาเข้าและออก ถนนรามคำแหง
นอกจากนี้ ภายหลังมีความชัดเจนเรื่องวัตถุระเบิด ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหาเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน เพื่อนำมาเทียบเคียงหาความเชื่อมโยงของคนร้ายด้วย
พฐ.เก็บเศษตะปูภาชนะบรรจุสอบ
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD ทำการตรวจสอบและเก็บหลักฐาน ในที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นเศษตะปู และ เศษภาชนะบรรจุ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระป๋องน้ำผลไม้ แต่ยังไม่สามารถระบุยี่ห้อได้ ส่วนระเบิดที่พบนั้นเป็นชนิดแสวงเครื่อง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ระบุว่า ในส่วนของภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณด้านหน้าธนาคารกรุงเทพนั้น เบื้องต้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร ทราบว่า มุมของภาพ น่าจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการประสานขอภาพจาก กล้องวงจรปิดของทางธนาคาร เพื่อนำมาตรวจสอบเหตุการณ์ ระเบิดดังกล่าว คาดว่าน่าจะได้ภาพวงจรปิดในวันนี้
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ สน.หัวหมาก ในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน อยู่ในระหว่างการหารือเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าคดี และรอคำสั้จากผู้บังคับบัญชา เพื่อวางแนวทางในการสืบสวนเหตุดังกล่าว
ผกก.หัวหมากกำชับหาข่าวสอบพยานล่ามือบึ้ม
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยความคืบหน้าเหตุระเบิด ที่ปากซอยรามคำแหง 43/1 เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ ในส่วนของ สน.หัวหมาก ได้แบ่งงานให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว และสอบพยานแวดล้อมแล้ว โดยในช่วงเวลา 15.00 น. นี้ ตนจะเข้าร่วมประชุม รายงานความคืบหน้าคดีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตามที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ สน.หัวหมาก ได้เชิญพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ อาทิ พนักงานเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม ในประเด็นของสภาพแวดล้อมในการเก็บขยะในที่เกิดเหตุ รวมถึง จะมีการสอบพยานซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดครั้งนี้ด้วย
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้สอบสวนนั้น พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เป็นเพียงผู้ที่มาดูเหตุการณ์เท่านั้น แต่ที่ดูท่าทางมีพิรุธ เนื่องจากเป็นชาวพม่า และกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้ปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
โฆษกรบ.เผยนายกฯห่วงบึ้มรามสั่งมั่นคงเข้ม
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกฯ เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นวันแรก โดยได้สักการะ พระพรหมและศาลพระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นได้เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเหตุระเบิด บริเวณซอยรามคำแหง 43/1 แล้ว ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ยังไม่มีการตัดประเด็นการก่อการร้าย หรือ เชื่อมโยงกับความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้และประเด็นความขัดแย้งทางธุรกิจ โดยในช่วงบ่ายวันนี้จะมีความชัดเจนในการสืบสวนสอบสวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขออย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า เหตุระเบิดดังกล่าว เกี่ยวข้องเชื่อมโยงว่า เป็นระเบิดทางการเมืองหรือไม่
ผบ.ทบ.รอตร.สอบระเบิดหน้ารามฯอาจโยงใต้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ถนนรามคำแหง ซอย 43/1 เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น อาจมีความเป็นไปได้ ส่วนด้านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. นั้น ก็จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยในกรุงเทพฯ รวมถึงทั้ง 77 จังหวัดด้วย ไม่เพียงเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคใต้เท่านั้น