"มรดก" ชิ้นสำคัญของ "เฟอร์กี้" ในฟุตบอลยุคใหม่

"มรดก" ชิ้นสำคัญของ "เฟอร์กี้" ในฟุตบอลยุคใหม่

"มรดก" ชิ้นสำคัญของ "เฟอร์กี้" ในฟุตบอลยุคใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 วงการลูกหนังรู้ข่าวเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรมกุนซือชาวสกอต ได้รับการยกย่องว่าเปลี่ยนทีมปีศาจแดงไปตลอดกาล หยิบความฝันที่แม้แต่แฟนบอลของทีมเองอาจมองว่าเป็นไปไม่ได้ นำไปสร้างให้กลายเป็นความจริงระหว่างการคุมทีมเกือบ 27 ปี

ไม่ว่ากุนซือจากสกอตแลนด์จะเป็นคนดีหรือวายร้าย ในมุมมองของแฟนบอลหลากหลายกลุ่ม แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ายอดกุนซือผู้นี้เป็นคนปูพรมนำสโมสรแห่งหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ ก้าวขึ้นเป็นทีมหัวแถวของอังกฤษ และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เซอร์อเล็กซ์จากไปอย่างผู้ชนะตามความตั้งใจ ทิ้งร่องรอยของความสำเร็จให้กับสโมสรอย่างมากมาย

เซอร์อเล็กซ์เชื่อว่าเลือกเวลาลงจากหลังเสือได้เหมาะที่สุด โดยมองว่าการทำงานมาอย่างยาวนานได้สร้างรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงเพียงพอต่อการประสบความสำเร็จในอนาคตมรดกที่กุนซือแดนวิสกี้ทิ้งไว้อย่างนโยบายการทำทีมที่ผสมผสานระหว่างผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้านในประเทศและดาวเตะในลีก รวมไปถึงการใช้งานนักเตะต่างชาติ โครงสร้างอะคาเดมีซึ่งพัฒนานักเตะมาอย่างต่อเนื่อง

ทัพนักเตะในทีมทั้งที่เป็นกำลังหลักและดาวรุ่ง ซึ่งเซอร์อเล็กซ์จัดหามาใน 2-3 ปีหลัง ระบบการเล่นที่หลากหลาย รวดเร็ว แม่นยำ และดุดัน ความมั่นคงทางการเงินของสโมสรภายใต้การหนุนหลังของตระกูลเกลเซอร์ (อาจเป็นรอยแผลเล็ก ๆ สำหรับแฟนบอล แต่สาวกก็เข้าใจดี) เลยไปถึงขั้นสรรหาเดวิด มอยส์ กุนซือเพื่อนร่วมชาติมาเป็นทายาทนั่งเก้าอี้ต่อ ในภาพรวมชายผู้ที่เป็นทุกอย่างของปีศาจแดงวางรากฐานมั่นคงแบบที่เจ้าตัวมั่นใจจริง

จากผลงานที่เซอร์อเล็กซ์ทิ้งไว้ในวันเดินจากสโมสรไป เมื่อลองเทียบในสถานการณ์ของทุกสโมสรที่เคยขับเคี่ยวแย่งแชมป์มาในช่วง 10 ปีหลังสุด หลายฝ่ายมองว่าในบางปัจจัยแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้ทิ้งระยะห่าง หรือเหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะระยะเวลา 5-6 ปีหลังซึ่งเป็นเวลาที่โลกลูกหนังเปลี่ยนแปลงไป

มีนักธุรกิจทุนหนาเข้ามาหว่านเม็ดเงินให้กับสโมสร หลายสโมสรสร้างทีมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พรีเมียร์ลีกไม่ได้ขับเคี่ยวกันแค่ 2-3 ทีม และไม่ได้แย่งชิงความสำเร็จกันแค่ 4 ทีมใหญ่ดั้งเดิม หรือที่เรียกกันว่า "บิ๊กโฟร์" อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่วงการลูกหนังอังกฤษขาดเซอร์อเล็กซ์ ไม่มีใครคาดคิดว่าบรรยากาศของพรีเมียร์ลีกจะกลายเป็นเปิดกว้างแบบนี้

ฤดูกาลที่จะถึงนี้ 4 ทีมใหญ่จนถึงวันนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซีเป็น 2 ทีมที่จะได้กุนซือคนใหม่เข้ามาคุมทีม ส่วนลิเวอร์พูล อาร์เซนอล และอาจรวมทีมอย่างสเปอร์ส แม้ตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนสำคัญ แต่มาถึงยุคนี้วงการฟุตบอลเหมาะสมกับคำว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงแล้ว ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้คู่ปรับของปีศาจแดงที่ 3 ปีหลังสร้างตัวเองขึ้นมาเป็นหนามขวางทางก็มีการเปลี่ยนแปลง กำลังจัดเตรียมกุนซือคนใหม่เช่นเดียวกัน

กล่าวได้ว่า ในภาพรวมทีมเหล่านี้มีศักยภาพไม่แตกต่างกันแบบทิ้งระยะห่างอีกต่อไปแล้ว และการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาทั้งหมดมีแนวโน้มเป็นการเปิดหน้าของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ทีมใหญ่หน้าเดิม

ในตอนนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ทั้งสิ้น แต่ปัจจัยสำคัญที่สื่อและแฟนบอลให้ความสนใจคือกึ๋นการทำงานของกุนซือ ทั้งช่วงการเตรียมทีมก่อนและกลางฤดูกาล

จุดนี้ทำให้เซอร์อเล็กซ์ได้วางเดวิด มอยส์ เป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สุดให้ปีศาจแดง

คนดังในวงการลูกหนังมองในทิศทางเดียวกัน ว่า เดวิด มอยส์ ไม่เคยมีทรัพยากรต้นทุนทั้งเงินหรือบุคลากรที่เป็นผู้เล่นระดับท็อป แต่มอยส์สร้างทีมเอฟเวอร์ตัน และพาทอฟฟี่สีน้ำเงินทำผลงานได้สูสีกับทีมใหญ่มาตลอด ถ้ายังพอนึกออกลองดูตัวอย่างสมมติฐาน ว่า มอยส์มีส่วนชะลอฝันแชมป์สมัยที่ 20 ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว หลังพาเอฟเวอร์ตันบุกตามตีเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด 4-4 หั่นแต้มปีศาจแดงทั้งที่ตามหลัง 1-3 จนกลายเป็นผลให้แมนฯ ซิตี้ทำแต้มบี้ตามหลังและเฉือนแชมป์ไปครองด้วยผลต่างประตูได้เสีย



น่าสนใจว่ามอยส์จะทำผลงานกับปีศาจแดงได้ดีแค่ไหน และจะรับมือกับแรงกดดัน ความคาดหวังที่เริ่มโถมเข้ามาจากทุกทางไม่เว้นแม้แต่จากตัวเซอร์อเล็กซ์กุนซือรุ่นพี่เองก็ตาม

สำหรับระดับยุโรปมรดกต่างๆที่เซอร์อเล็กซ์เชื่อว่าวางรากฐานไว้แน่นแล้วนั้น วงการลูกหนังทั่วโลกต่างมีพร้อม และในบางลีกก็ก้าวหน้าลึกล้ำไปไกลไม่ด้อยกว่า หรืออาจเหลื่อมกับแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยซ้ำ ดูตัวอย่างจากผลงานลูกหนังสเปนและเยอรมัน แม้ว่าอาจมีแนวทางที่แตกต่างกันจากอังกฤษ แต่ข้อเท็จจริงคือ 3-4 ปี

ที่ผ่านมาทีมของเซอร์อเล็กซ์โดนสโมสรจากลีกสเปนและเยอรมันที่เข้าสู่ยุครุ่งเรืองเล่นงานหนัก ตกรอบและพลาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยน้ำมือยอดทีมสเปน หรือเยอรมัน ไม่ลีกใดก็ลีกหนึ่งหลายครั้ง



และในอนาคตอันใกล้ฟุตบอลยุคใหม่ที่จะมีกฎแฟร์เพลย์ทางการเงินในยุโรป มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตัดสิน ปัจจัยสอดแทรกเหล่านี้จะเข้ามาส่งผลกระทบต่อผลงานทีมอย่างแน่นอน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยุคใหม่จะสานต่อตำนานความฝันที่กลายเป็นจริงมาแล้วได้หรือไม่ ปัจจัยสำคัญอยู่ในกำมือของเดวิด มอยส์ มรดกชิ้นสำคัญที่สุดของเซอร์อเล็กซ์แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook