พ่อกรีนแฉเคลลี่ไม่เคารพยื่นคำขาดให้หมั้นก่อนแต่ง
พ่อดาราสาว 'กรีน อัษฎาพร' แฉ 'เคลลี่ ธนะพัฒน์' ไม่เคารพยื่นคำขาดให้หมั้นก่อนแต่ง ขณะที่ฝ่ายชายลังเลอ้างยังไม่พร้อม
ไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร สำหรับกรณีของหนุ่มเคลลี่ - ธนะพัฒน์ กับแฟนสาวกรีน - อัษฎาพร ซึ่งล่าสุดคุณพ่อของสาวกรีน ก้ออกมาเปิดใจรอบ 2 ว่า "หลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ก็มีผู้ใหญ่พยายามติดต่อเข้ามา ผ่านทางแฟนผม แฟนผมก็เลยนัดผมว่าให้มาพบท่าน ซึ่งก็นัดวันที่ 17 ก็คือทั้ง 3 ฝ่าย ก็จะมีผม มีผู้ใหญ่ และก็มีเคลลี่ แล้วไปถึงก็มีผมกับผู้ใหญ่ช่อง 7 อยู่แค่ 2 ท่านเท่านั้นเอง เคลลี่ ไม่ได้มา ก็ได้ถามผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บอกว่า คุยกัน 2 คนพอ เคลลี่ อาจจะติดธุระอะไรของเขา ก็เลยไม่ได้เข้ามา ก็คุยกันนะก็พูดถึงเหตุการณ์ ผมก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไร เราก็บอกตรง ๆ ว่าที่ผมต้องออกคลิปด้วยเหตุผลว่า เคลลี่ฟ้องผมแล้วก็มากับทนาย แล้วพาลูกสาวผมไปสัมภาษณ์ด้วย ลูกสาวผมเสียหาย ผมจะออกคลิปปกป้องลูกสาวผม ไม่งั้นผมไม่ออกคลิป ถ้าสมมุติว่าเขากับทนาย 2 คน พูดกันบนเวทีแล้วก็ว่าผม ฟ้องผม ผมจะไม่ว่านะ ตรงนั้นก็คือเรื่องทางกฎหมาย ในเมื่อเขาไม่พอใจเราในเรื่องอะไรเขาก็ฟ้องมาครับ แต่เขามาพาลูกสาวเราขึ้นเวทีสัมภาษณ์ด้วย จนลูกสาวเราโดนโจมตีในโซเชียลมีเดีย ผมเป็นนักธุรกิจไม่อยากไปหาเรื่องแล้วก็ฟ้องร้องกัน ไม่มีประโยชน์ ผมได้เจอกัน ผู้ใหญ่ก็บอกว่า เราก็คุยกันคุยกันเรื่อง ผู้ใหญ่ท่านก็ใจดีท่านก็บอกให้ผมอย่าไปถือสาอะไรมากเลยว่า เคลลี่ เขาฝรั่งจ๋าไปหน่อย ผมก็ยังว่าเขาอยู่ประเทศไทยมานาน 10 กว่าปีแล้ว เป็นดาราช่อง 7 ด้วย ที่จริงช่อง 7 น่าจะรู้ขนบธรรมเนียบวัฒนธรรมประเพณีไทยหน่อยใช่ไหม เข้ามาจีบลูกสาวเขาแล้วคุณจะมาฝรั่งจ๋า แล้วบอกลูกสาวผมว่าเขาโตแล้ว จะทำอะไรก็ได้ มันไม่ใช่ ผมเป็นพ่อคน ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถึงแม้ลูกสาวผมจะเรียนจบแล้วก็ดี ถ้ามีแฟนคนหนึ่งแล้วแฟนเขาคนนั้นคนดี ผมยินดีด้วย คือผมบอกว่าแฟนเขา คือลูกสาวเรารักใครเราก็รักตาม แต่ถ้าวันหนึ่งลูกสาวเราจะไม่รักเขาแล้ว แยกกัน แยกกันดีก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าผู้ชายมารักแกลูกสาวของผม ผมก็ไม่ยอมแน่ถูกไหม นั้นคือสิ่งที่เราคุยกับผู้ใหญ่ แล้วก็ผู้ใหญ่ก็รับปากว่า เดี๋ยวจะลองจัดการดูไกล่เกลี่ยดูว่าเป็นไปได้ไหม
ตอนที่คุยกับผู้ใหญ่เสร็จเราก็เห็นว่าเวลามันคุยกันพอสมควร ก็คุยกันประปลายนิดหน่อยนะครับ เคลลี่ก็โทรหาแม่เขาบอกจะเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ เราก็รอ ตกลงมาประมาณ 6 โมงกว่า ออฟฟิศก็ปิดแล้ว เสร็จแล้วเขามาถึงที่ เขาคาดการณ์ว่าพอมาถึงแล้วเขาน่าจะเข้ามาขอโทษเรา เขามาขออภัยเรา ภาพที่เราคิดก็คือภาพอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ เขาเข้ามาในออฟฟิศเขาก็วางฟอร์มใส่ผมเลย เขามาถึง สวัสดีคุณพ่อครับ ผมก็เลยย้อนถามไปเลยว่าใครเป็นพ่อคุณ ถ้าผมเป็นพ่อคุณ คุณก็ไม่ฟ้องผมหรอก คุณฟ้องผม ผมไม่ใช่พ่อคุณ เขาก็เลยบอกถ้างั้นผมเรียกคุณ เขาก็เลยพูดว่าถ้างั้นผมเรียกคุณแล้วกันนะ เขาก็บอกว่าเขาขอเล่าว่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรถึงต้องมาฟ้องร้องกัน ผมก็ฟัง ผมก็เลยบอกว่าคุณเคลลี่ คุณไม่ต้องพูดเรื่องเก่า เพราะว่าเรื่องเก่าคุณพูดไว้ยังไงผมไม่เชื่อเครดิตคุณหรอก ผมก็พูดตรงๆ ไม่เชื่อเครดิตคุณ เขาย้อนผมทันทีเลย เขาก็ไม่เชื่อเครดิตผม ผมก็เลยถ้าเขาว่าคุณไม่เชื่อเครดิตผมแล้วคุณเข้ามาหาผมทำไม แล้วมาคุกทำไมสักพักเขานึกขึ้นมาได้ เขาก็เลยบอก งั้นเขาจะพาแม่เข้ามาคุยกับผม ผมก็บอกว่าดีผู้ใหญ่มาคุยก็ดีจะได้เรื่องจบ แล้วคุณเคลลี่ก็เงียบไป คือเขามาคุยกับเรา จะมาทำอะไร จะมาขอขมา จะมาอะไรเราก็ไม่รู้ แต่เรามาทะเลากัน จนสุดท้ายเขาบอกผมว่า ถ้าไปเจอที่ศาล ยังไงเขาก็ชนะ ผมก็ฟังแล้วงง ผมก็เลยบอกว่าถ้าคุณมั่นใจว่าชนะคุณมาหาผมทำไม เราไปเจอกันวันที่ศาลเลย ถ้าคุณคิดว่าคุณชนะก็ไปเลย แล้วผมไม่รู้จะพูดยังไง ซึ่งในอนาคตวันหนึ่งจะเป็นลูกเขยผม แต่เขาทำตัวอย่างนี้ แล้วถ้าเขาอายุน้อยๆ อย่างดาราคนอื่น ผมจะไม่ว่าเลย นี่ 40 กว่าแล้ว ยังคิดไม่ได้เลย คิดจะฟ้องก็ฟ้องเลย พอทำเสร็จแล้ว แล้วค่อยมาบอกมาคิดทีหลังว่าฟ้องไปแล้ว เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ต้องกลับมาขอโทษกันมันไม่มีประโยชน์ 40 กว่าแล้วเนี่ย คุณต้องคิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วมาคิดแก้ทีหลัง อย่างนี้มันไม่ควร
คือตอนนี้น้องกรีนอยู่กับแม่เขาแล้วเราก็สบายใจแล้ว แม่เขาก็เข้าใจ อย่างหนึ่งที่ผมบอก ลูกสาวผมรักใคร แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่รักลูกสาวผมแล้วเนี่ย ก็คบกันเป็นเพื่อน คบกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ผมก็ไม่ว่าเลย แต่อย่ามาทำเป็นเจ้าชู้ใส่ลูกสาวผม และครอบครองลูกสาวผม ไม่ควรทำอย่างนั้นนะ คือเขาทำอย่างนั้นเมื่อไหร่แล้ววันนึงถ้าคุณทะเลาะกัน คุณเป็นผู้ชายเกิดลงมือทำร้ายลูกสาวผม ผมไม่ยอมนะ ถ้าคุณมาแกล้งลูกสาวผมเมื่อไหร่ ผมรู้ว่าคุณแกล้งผมไม่ยอมเด็ดขาด ลูกใคร ใครก็รัก พอพูดคุยกันทะเลาะกันบ้าง จากนั้น เคลลี่เขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาอ้อมโต๊ะ มาคุกเข่าลงแล้วยกมือขอขมาผม แล้วก็บอกว่า ป๋าครับผมขอเรียกป๋านะครับ ผมขอโทษจริง ๆ ผมผิดเองครับ ผมขออภัยด้วย ผมขอขมา อะไรอย่างนี้ เราก็ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าเขาคุกเข่าโดยที่ไม่ได้คุยกันเลย แล้วเขาก็ยืนขึ้นมา เราก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนบุคลิกง่าย ตอนที่เข้ามาวางฟอร์มใส่เรา แต่ตอนนี้กลายเป็นขอขมาใส่เรา เราก็งง แล้วเขาก็ถามผมว่า คุณพ่อจะเอาอย่างไรต่อดี ผมก็บอกว่า ก็อย่างนี้ ถ้าให้ดีที่สุดก็คือ คุณก็พาผู้ใหญ่มา แล้วคุณก็มาหมั้นหมายลูกสาวผมไว้ก่อน สินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ ก็ว่ากันมา แล้วลูกสาวผมเรียนจบเมื่อไหร่ เขาก็ค่อยแต่งงานกัน พอผมพูดอย่างนี้ไป เห็นสีหน้าเขารู้เลยว่า หน้าเขาถอดสีเลย หน้าเขาซีด แล้วเขาก็เอ่ยปาก ป๋าอย่าเพิ่งเลย ยังไม่ถึงเวลา เพราะน้องกรีนเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่ถึงเวลา ผมก็เลยบอกหมั้นหมายกันก่อน มันยังไม่ได้แต่งงาน เขาบอกเขายังไม่พร้อม หลังจากนั้นแล้วที่คุยกับเคลลี่ว่า ให้ฟังกติกานี้ไว้ เขาก็บอกว่าเขาขอนับ 1 ใหม่ เขาขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง ผมก็ว่า โอเค ในเมื่อคุณก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่กล้าคุกเข่ามาขอโทษ ขออภัย ผมก็ให้อภัยได้อยู่แล้ว แต่คุณต้องจำไว้นะ คำพูดของคุณพูดอย่างไรไว้ คุณต้องจำไว้นะคุณเคลลี่ เราก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พิสูจน์ตัวเขาด้วยและก็พิสูจน์ครอบครัวเราด้วย"