ลูกเขยแค้น! พ่อตาไม่คืนเงินสินสอด ยิงเข้าเป้าตาดับ
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว)
มอบตัวแล้ว! ลูกเขยโหดยิงเบ้าตาพ่อตาดับ สารภาพ แค้นพ่อตาไม่คืนค่าสินสอดตามสัญญา ทวงมาหลายสัปดาห์ยังไม่ได้คืน
(28 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้รับการประสานงานจาก นายสุดใจ ศรีหานนท์ อายุ 56 ปี นำตัวลูกชาย นายสุรสิทธิ์ ศรีหานนท์ อายุ 23 ปี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หลังก่อเหตุฆ่าพ่อตา นายมุนทอง ไชยรักษา อายุ 47 ปี จนเสียชีวิตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นายูง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนยิงกันตายที่บ้านหลังหนึ่ง เมื่อไปตรวจสอบก็พบร่างของ นายมุนทอง เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้าน ใกล้กับรถจักรยานยนต์พ่วง และพบปลอกกระสุนปืนขนาด .22 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 3 นัด
ภายหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนหาสาเหตุ จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสุรสิทธิ์ ลูกเขยของผู้เสียชีวิต ขณะเกิดเหตุมีคนได้ยินทั้ง 2 ยืนโถ้เถียงกันเรื่องเงินสินสอดทองหมั้น จนเกิดเสียงยิงปืนนัดขึ้น 2-3 นัด ก่อนที่ นายสุรสิทธิ์ จะวิ่งหลบหนีหายตัวไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุรสิทธิ์ ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิง นายมุนทอง เสียชีวิตจริง เนื่องจากเกิดโถ้เถียงไม่เข้าใจกันเรื่องสินสอด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนกับลูกสาวของผู้เสียชีวิต ได้อาศัยอยู่กินกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันเป็นพิธี เพราะต้องเข้ากรมไปเกณฑ์ทหาร ทำให้พ่อตาไม่คอยชอบตนเท่าไหร่นัก
หลังจากปลดประจำการออกมา จึงได้จัดพิธีแต่งงานให้ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าตนไม่มีเงินค่าสินสอดตามที่ตกลงกันไว้ 50,000 บาท พ่อตาจึงสั่งให้ตนไปยืมคนอื่นมาก่อน หลังจากงานแต่งแล้วจะคืนให้ ตนจึงต้องไปขอยืมพ่อแม่ญาติพี่้น้องช่วยกันลงขันใส่ขันหมากเพื่อสู่ขอจัดพิธีแต่งงาน เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา
พอหลังจากงานแต่งงาน ตนจึงได้ไปถามทวงคืนเงินสินสอดที่ตกลงกันไว้ แต่ปรากฎว่าผู้เสียชีวิตไม่ยอมคืนให้ ตนกลับไปทวงขอคืนอยู่หลายครั้ง นานกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุจึงได้นั่งดื่มเหล้าแก้เครียดกับเพื่อน และเดินผ่านมาขอดูไก่ชนที่เลี้ยงไว้ที่บ้านพ่อตา แต่โดนพ่อตาไล่ตะเพิด พร้อมกับชักอาวุธปืนมาเล็งใส่ ตนจึงเข้าไปยื้อแย่งปืนจากพ่อตา จนกระทั่งปืนลั่นใส่เบ้าตาพ่อตาจนเสียชีวิต ด้วยความตกใจจึงได้หนีกลับบ้านไปตั้งหลัก ก่อนที่พ่อจะพามามอบตัวดังกล่าว