ทำแผนเบิ้มย้ำรัดคอเอกยุทธตายแล้วตร.จ่อฝากขัง

ทำแผนเบิ้มย้ำรัดคอเอกยุทธตายแล้วตร.จ่อฝากขัง

ทำแผนเบิ้มย้ำรัดคอเอกยุทธตายแล้วตร.จ่อฝากขัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอง ผบก.น.4 คุม 'นายเบิ้ม' ทำแผนอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' ยัน เสียชีวิตสะพานลำมะขาม ลิ้นจุกปาก ก่อนถูกเชือกรัดคอ ขณะที่ 'สุวัตร' เตรียมพบ 'เบิ้ม' สอบถามข้อสงสัย เชื่อ มีคนร่วมลงมือมากกว่านี้ รอหลักฐานสำคัญไขความจริง เผย ญาติต่างหวาดกลัวจึงปัดให้ข้อมูลสื่อ

พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ควบคุมตัว นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร ผู้ต้องหาที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนลงมือสังหาร นายเอกยุทธ อัญชันบุตร และเป็นผู้ต้องหารายสุดท้ายในทีมอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายหลังติดต่อขอเข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับ นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล ก่อเหตุอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ จริง

โดยจุดแรก เป็นจุดที่ นายสันติภาพ ขับรถออกจากร้านครัวกระแตมารับตน ที่ซอยประดิพัทธ์ 12 และให้ซ่อนตัวอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ และขับรถกลับมารับ นายเอกยุทธ ที่ร้านครัวกระแตอีกครั้ง จุดที่ 2 ข้างทางระหว่างลาดพร้าวซอย 3 และ 5 ที่จอดให้ นายสุทธิพงศ์ แสดงตัวและใส่กุญแจมือ นายเอกยุทธ โดยในจุดนี้ นายสุทธิพงศ์ ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้อาวุธมีดจี้ผู้ตาย เพราะไม่มีการต่อสู้ขัดขืน จุดต่อมา บ้านพี่สาว นายสันติภาพ ภายในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ ลาดกระบัง ซึ่งเป็นจุดที่นำตัว นายเอกยุทธ มาขังไว้บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ก่อนนำตัวไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท และกลับมายังบ้านพักอีกครั้ง เพื่อตรวจนับเงินจำนวนดังกล่าว จุดต่อมา เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ นายเอกยุทธ เสียชีวิต คือ จุดกลับรถใต้สะพานลำมะขาม ใกล้กับทางเข้าหมู่บ้าน

โดยในจุดนี้ นายสุทธิพงศ์ ให้การอ้างว่า เมื่อมาถึง นายสันติภาพ ได้จอดรถ เพื่อให้ตรวจดูความเรียบร้อยของกุญแจมือที่ควบคุมตัว นายเอกยุทธ ไว้ ซึ่งระหว่างนั้นเอง นายเอกยุทธ ได้สบโอกาสและวิ่งลงจากรถเพื่อหลบหนี ขึ้นไปบนสะพานลำมะขาม โดยมี นายสันติภาพ วิ่งตามไป และเกิดการต่อสู้กันขึ้น ซึ่ง นายสุทธิพงศ์ ยืนยันว่าจุดนี้เป็นจุดที่ นายเอกยุทธ เสียชีวิตในสภาพลิ้นจุกปาก หลังจากนั้น นายสันติภาพ ได้วิ่งกลับมาที่รถ เพื่อวนกลับมาลากศพ นายเอกยุทธ ขึ้นไปบนรถ และสั่งให้ตนใช้เชือกรองเท้ารัดคอ ก่อนขับรถมุ่งหน้าสู่ จ.พัทลุง เพื่อนำศพไปฝังอำพรางคดี ซึ่งยืนยันว่า ขณะที่นำเชือกรัดคอ นายเอกยุทธ เสียชีวิตแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัว นายสุทธิพงศ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมยัง สน.วังทองหลาง ก่อนจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในช่วงก่อนเที่ยงวันนี้ ขณะที่ ทางครอบครัวของ นายเอกยุทธ และทนายความ จะมีการแถลงข่าวเปิดใจ

 

สุวัตรเตรียมพบเบิ้มซักข้อสงสัยยันคนฆ่ามีอีก

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า วันนี้ (15 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ตนเองจะเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อสอบข้อเท็จจริงกับ นายสุทธิพงศ์ พิมพิสาร หรือ เบิ้ม ผู้ต้องหารายล่าสุดที่เป็นหนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ โดยส่วนตัวมีความเห็นว่า ผู้ร่วมลงมือฆ่าน่าจะมีมากกว่านี้ ซึ่งจะต้องรอดูชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้าน นายเอกยุทธ ที่หายไป เพราะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะทำให้คดีมีความกระจ่างมากขึ้น หากปรากฏภาพคนร้ายมีเพียง นายบอล (นายสันติภาพ เพ็งด้วง) กับ นายเบิ้ม ตามที่ผลการสอบสวนของตำรวจยืนยัน ตนก็พร้อมยอมรับและยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ตามที่ญาติของ นายเอกยุทธ มอบหมายให้ 

ทั้งนี้ ในส่วนของญาติ เท่าที่พูดคุยรู้สึกว่าส่วนใหญ่หวาดกลัวกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของ นายเอกยุทธ จึงไม่ค่อยกล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลอะไรมาก

ในส่วนของกระแสข่าวว่า ในวันนี้ ญาติของ นายเอกยุทธ จะดำเนินการแถลงข่าวนั้น นายอัครนันท์ เรืองนันทวงษ์ พี่ชายของ นายเอกยุทธ เผยว่า ยังอยู่ในระหว่างของการพูดคุย ว่าจะมีการแถลงข่าวหรือไม่ หรือถ้ามีการแถลง จะแถลงในประเด็นใดบ้าง

 

ตร.เตรียมนำ 'เบิ้ม' ฝากขัง ค้านประกันกลัวหนี

พ.ต.อ. สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า วันนี้ในเวลา
ประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลวง จะควบคุมตัว นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ไปยื่นคำร้องเพื่อขอฝากขังต่อศาลอาญา ผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และรอผลการตรวจชันสูตร วัตถุพยาน และเอกสารอื่นๆ

โดยแจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และ ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ประกอบกับ คดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook