ดุสิตโพลประชาชนเชื่อมั่นรัฐลดลงปมจำนำข้าว
เอแบคโพล เชื่อ รัฐบาลเจ๊งรับจำนำข้าว ค้านเก็บรายได้ประชาชนมาชดเชยขาดทุน ขณะ สวนดุสิตโพล ชี้ ทำประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลลดลง ชมฝ่ายค้านนำเสนอข้อมูลให้รับรู้มากขึ้น แต่ภาพลักษณ์ยังไม่ดี เพราะค้านทุกเรื่อง
สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน ในหัวข้อ "เรื่องราวหรือเหตุการณ์ ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ณ วันนี้" จาก 1,303 ตัวอย่าง ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเพิ่มขึ้นนั้น พบว่า ร้อยละ 32.27 เห็นว่าเป็นการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เพราะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่พยายามพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดลงนั้น พบว่า ร้อยละ47.52 เห็นว่าเป็นกรณีโครงการรับจำนำข้าว เพราะจากกระแสข่าวที่ออกมา ทำให้เห็นความไม่โปร่งใส และไม่สามารถบอกตัวเลขการขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทได้
ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นนั้น พบว่า ร้อยละ 42.00 เห็นว่าเป็นการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพราะสามารถตรวจสอบการทุจริตและนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงได้มากขึ้น สำหรับเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อฝ่ายค้านลดลงนั้น พบว่า ร้อยละ 42.90 เห็นว่าเป็นการค้านทุกเรื่อง เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายค้านดูไม่ดี
เอแบคโพล เชื่อ รัฐบาลเจ๊งรับจำนำข้าว
น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของสาธารณชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,384 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 72.1 เชื่อว่า รัฐบาลกำลังขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ ร้อยละ 27.9 ไม่เชื่อ
นอกจากนี้ ร้อยละ 63.2 ระบุว่า การขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล มีผลค่อนข้างน้อย ถึงไม่มีผลเลยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ขณะที่ ร้อยละ 54.3 ระบุว่า การขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล มีผลค่อนข้างน้อยถึงไม่มีผลเลยต่อความน่าเชื่อถือของตนเองต่อรัฐบาล
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 52.8 คิดว่า รัฐบาลไม่ควรหยุดโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ ร้อยละ 47.2 คิดว่าควรหยุด อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 58.7 เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลควรหาทางชดเชยการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว แต่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเรียกเก็บรายได้ของประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม มาชดเชย โดยร้อยละ 57.5 มองว่า พรรคเพื่อไทย ต้องรับผิดชอบและต้องหาเงินมาชดเชย ถ้ารัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่ ร้อยละ 31.8 มองว่า รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ควรลาออกเพื่อรับผิดชอบ
พท. โต้ เงินจำนำข้าวไหลเข้ากระเป๋านักการเมือง แสนล.
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ไม่มีการทุจริตเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองฝ่ายรัฐบาลกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท ตามที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาเพื่อหวังผลทางการเมือง อย่างไรก็ตาม หากทางพรรคประชาธิปัตย์มีหลักฐานเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ขอท้าให้นำมาเปิดเผย โดยยื่นตรวจสอบกับองค์กรอิสระ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่ากล่าวหาโดยไร้หลักฐาน
ขณะเดียวกัน โฆษกพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า โครงการดังกล่าวอาจมีการขาดทุนบ้าง แต่เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อชาวนาอย่างแท้จริง ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะผลักดันโครงการรับจำนำข้าวต่อไป และเชื่อว่า จะไม่มีการตกแต่งตัวเลขขาดทุนในโครงการดังกล่าว และจะมีความชัดเจนเรื่องตัวเลขการขาดทุน ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้
ปชป. จี้ นายกฯ ประชุม กขช. ดูโกงจำนำข้าว
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะประกาศลดราคารับจำนำข้าวทุกเม็ดลง โดยให้เหตุผลว่า ราคาข้าวในตลาดโลกปรับลดลง ค่าเงินที่ผันผวน และสินค้าคาร์โบไฮเดรตในตลาดโลกมีมากขึ้น ว่า ข้ออ้างดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง แม้จะมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง และเห็นว่า การเสนอแนวคิดนี้น่าจะมาจากเหตุผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีปัญหา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงมากกว่า ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อความเชื่อมั่น และเมื่อลดราคาการรับจำนำข้าว ก็จะทำให้ชาวนาได้เงินลดลง แต่ปัญหาการทุจริตและขาดทุนจากโครงการนี้ยังคงมีอยู่ ดังนั้น รัฐบาลควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ และเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะเข้าประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในวันพรุ่งนี้ด้วย เพื่อมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และดูแลปัญหาความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการ ไม่ใช่เน้นดูแลเฉพาะเรื่องตัวเลขการขาดทุนเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังจากที่พรรคได้อภิปรายถึงความไม่โปร่งใสในการระบายข้าว โดยได้มีการเปิดเผยชื่อบุคคลภายนอก ที่ทำตัวเหมือนเป็นคนกลาง นำข้าวที่รัฐบาลจำนำมาขายให้กับบริษัทต่างๆ แต่จากการติดตาม ยังพบว่า บุคคลดังกล่าว มีพฤติกรรมหาประโยชน์จากโครงการนี้อยู่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง