จวก "ใบเตย" ใช้เรือนร่างเป็นจุดขาย ทำลายภาพลักษณ์ลูกทุ่ง

รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จับมือศิลปินแห่งชาติ รุมจัดหนัก "ใบเตย-อาร์สยาม" ใช้เรือนร่างท่าเต้นหากินเชิงธุรกิจ หวั่นทำลายศิลปะลูกทุ่งไทย

จากกรณีนักร้องสาวฉายาสั้นเสมอหู "ใบเตย อาร์สยาม" เจ้าของท่าเต้น "แน่นอก" อันลือลั่น ใช้เรือนร่างสร้างจุดขายหากิน ทำภาพลักษณ์วงการลูกทุ่งเสื่อมเสีย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและหลายฝ่ายเป็นห่วงท่าเต้นของ "ใบเตย อาร์สยาม" ว่าไม่เหมาะสม หวั่นทำภาพลักษณ์วงการลูกทุ่งเสื่อมเสีย

ดำรงค์ ทองสม  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวในงานประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2556 ที่ จ. ขอนแก่น เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.56) โดยพูดถึงเรื่องที่ในปัจจุบัน มีการนำการแสดงและดนตรีพื้นบ้านไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม โดยใช้การประยุกต์เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดเจนจากกรณีของนักร้องสาวชื่อดัง "ใบเตย อาร์สยาม" ที่ได้มีการนำเพลงลูกทุ่งมาสร้างจุดขายให้ตัวเอง ซึ่งเห็นว่าเป็นการหากินในเชิงธุรกิจมากเกินไปโดยไม่สนใจศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเพลงลูกทุ่ง อีกทั้งมีการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาในขณะออกสื่อ แต่การแสดงออกกลับตรงกันข้าม คือ ใช้ร่างกายท่าเต้นดึงดูดให้คนสนใจเพลง มากกว่าการขายเนื้อหาและไม่รักษาวัฒนธรรมที่ดีของของชาติ

นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังผู้ประกอบธุรกิจวงการการแสดงและวงการเพลง ว่า ไม่อยากให้มองแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจมากเกินไป แต่ควรคำนึงถึงการรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ ที่บรรพบุรุษสั่งสมมาแต่โบราณเอาไว้ และควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม แม้ผู้ประกอบการจะบอกว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ในความเป็นจริง ควรมองภาพรวมของสังคมว่าสังคมบ้านเราไม่ได้เหมือนชาติตะวันตก โดยเฉพาะผู้จัดหรือต้นสังกัด ไม่เพียงแต่จะคิดหาจุดขายเพื่อเรียกเรตติ้งให้ศิลปินเท่านั้น

ด้านนางฉวีวรรณ พันธุ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง(หมอลำ) ปี 2536 กล่าวว่า การนำเสนอเพลงลูกทุ่งของใบเตย อาร์สยาม คิดว่าไม่อยากให้เจ้าตัวทำตัวเองให้เป็นสื่อ บางสิ่งนำเสนอในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักร้อง เช่น การใช้ลีลาสรีระร่างกายมาแลกให้ตัวเองดัง เพื่อให้สังคมยอมรับ แต่ควรจะรักนวลสงวนตัว ให้คนเขาคิดถึง และควรให้หางเครื่องเป็นผู้แสดงออกในการเต้นมากกว่า สังคมจะได้ไม่ดูถูกศิลปิน และอยากขอร้องกลุ่มธุรกิจว่า อย่าทำเกินเหตุและควรสงสารตัวศิลปินด้วย เปิดทางให้พวกเขาได้อยู่นานๆ อย่าให้สังคมต้องตราหน้าว่ากล่าวในทางที่เสียหาย พร้อมทั้งขอฝากลูกหลานศิลปินรุ่นใหม่ตระหนักรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย ให้ศิลปวัฒนธรรมทุกแขนงอยู่คู่แผ่นดินต่อไป