ซึ้ง!! เต๊ะ ศตวรรษ ขอเป็นลูกเขยต่อหน้าศพพ่อ แฟนสาว
ครบรอบแต่งงานหนึ่งเดือนพอดีเป๊ะ!! สำหรับคู่รักป้ายแดง "เต๊ะ ศตวรรษ" และแฟนสาวลูกครึ่ง "เอริน ไซย์" หลังลั่นระฆังวิวาห์แบบสายฟ้าแล่บที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดด้านนักแสดงหนุ่ม "เต๊ะ ศตวรรษ" ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจกับทีมข่าว Sanook! News ถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ขณะเดินทางมาร่วมบันทึกเทปรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" ว่า... ตนและแฟนสาวนั้นสนิทสนมรักใคร่กันมานานกว่า 8ปีแล้ว แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดกับคุณพ่อของฝ่ายหญิงจึงทำให้เจ้าตัวตัดสินใจขอแต่งงานในที่สุด ส่วนเรื่องผลิตทายาทนั้นหนุ่มเต๊ะก็คอนเฟิร์มมากับเราแล้วว่าปีหน้านี้แฟนๆ มีโอกาสได้ยินข่าวดีแน่นอน
มีโอกาสไปเจอหรือไปพบรักกับภรรยาคนนี้ได้ยังไง ?
"เราเจอกันที่ไต้หวันครับ เมื่อประมาณ 8ปีก่อนตอนที่ผมไปทำงานที่นั่น คือจริงๆ แล้วเราสองคนก็คบๆ เลิกๆ มาหลายครั้งแล้วเหมือนกันแต่สุดท้ายก็กลับมาเจอกันอีก เนื่องจากคุณพ่อเค้าเสียก็เลยทำให้เรามีโอกาสได้กลับมาคุยกันใหม่ จนสุดท้ายผมก็ขอแต่งงานครับ"
ช่วยเล่าถึงวินาทีที่ขอแต่งงานได้ไหม เกิดอะไรขึ้น ณ ตอนนั้น ?
"ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่าวิธีขอแต่งงานของเราสองคนมันอาจจะไม่เหมือนของคนอื่นนัก เนื่องจากว่ามันมีวิถีความเชื่อของคนจีนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ"
แสดงว่าการแต่งงานครั้งนี้ก็มีการถือเคล็ดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ?
"คือในช่วงที่คุณพ่อเค้าเสียเนี่ยเราทั้งสองคนก็ยัง งง อยู่เลยว่าจะเอายังไง และตัวผมเองซึ่งในตอนนั้นยังอยู่ในฐานะเพื่อนก็เลยตัดสินใจว่าจะบินไปรับศพคุณพ่อเค้าด้วยกัน แต่พอได้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์แล้วมันทำให้ผมรู้สึกแบบว่าจริงๆ แล้วผมผูกพันกับครอบครัวนี้มาก ความรู้สึกดีในอดีตมันก็ค่อยๆ คืนกลับมาเรื่อยๆ แล้วพอมารู้อีกว่าคนจีนเค้ามีพิธีกรรมบางอย่างเกี่ยวกับงานศพที่ผู้หญิงไม่สามารถทำได้และบ้านเค้าเองก็มีแต่ลูกสาวไม่มีลูกชาย ผมก็เลยตัดสินใจขอเป็นลูกเขยต่อหน้าศพคุณพ่อเค้าครับ ซึ่งหลังจากตรงนั้นผมก็เหมือนกับเป็นลูกชายรับหน้าที่ทำพิธีกรรมต่างๆ จนเสร็จเรียบร้อย จนตอนนี้เวลาผ่านมาถึงสองปีแล้วเราก็เลยแต่งงานกันตามความเชื่อที่บอกว่าถ้าหากลูกสาวยังไม่แต่งงานแต่คุณพ่อเสียชีวิตก่อนก็ต้องรออีกสองปีถึงจะแต่งงานได้ครับ"
บรรยากาศการแต่งงานในวันนั้นเป็นยังไงบ้าง ?
"ก็มีความสุขเหมือนกับคู่แต่งงานทั่วไปครับ เพียงแต่ว่าของเราก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่อของแฟนผมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นพูดถึงคุณพ่อเค้า มีรูปคุณพ่ออยู่ในงาน มีชุดสูทของคุณพ่อด้วย แขกร่วมงานก็มีประมาณ 70คน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาว กับเพื่อนๆ ที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ด้านคนไทยก็จะเป็นเพื่อนจากกลุ่มกู้ภัยที่ชลบุรีครับ"
ทายาทพร้อมมีปีนี้เลยรึเปล่าหรือว่ารอก่อน ?
"ปีนี้น่าจะยังครับ ผมคิดว่าคงเป็นปีหน้าเพราะอย่างที่บอกคือเราเพิ่งผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ มา ผมเองก็อยากให้จิตใจและร่างกายเค้าพร้อมด้วย ถ้าจะปล่อยก็คงช่วงสิ้นปีหรือไม่ก็ปีหน้าไปเลยครับ"
ฮันนีมูนล่ะ วางแผนแล้วรึยังว่าจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ ?
"น่าจะเกิดขึ้นช่วงก่อนที่จะมีน้องครับ เพราะถ้ามีน้องคงไปไหนไม่ค่อยสะดวก ภรรยาผมเค้าก็บอกว่าอยากจะไปดูออโรร่าที่นอร์เวย์ด้วย น่าจะเป็นที่นั่นครับ"
เรื่องการทำงานของพี่เต๊ะที่ต้องเดินทางไปจีนบ่อยๆ คิดว่าจะเป็นอุปสรรคไหม ?
"ก็คงมีแน่นอนครับ เพราะช่วงสองปีที่ผ่านมาผมเองก็บินไป บินมาหลายประเทศตลอด มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลไงครับที่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีน้องเมื่อไหร่"
แล้วคิดไว้บ้างรึยังว่าจะหยุดไว้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ?
"คิดแล้วครับว่าอาจจะเป็นญี่ปุ่น เพราะถ้าหากผมต้องทำงานที่จีนเนี่ย เค้าเองก็จะได้มีคุณแม่ไว้พูดคุยไว้ปรึกษาตลอด ยิ่งถ้ามีน้องเค้าก็จะได้คุยกับคุณหมอรู้เรื่องด้วยหากมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นที่ไทยผมว่าลำบากเพราะแม่ผมเองภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่"
อย่างนี้แฟนคลับที่จีนเค้าเข้าใจไหมว่าเราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ?
"ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าเป็นภาพจากละครครับ แต่ก็มีบางกลุ่มที่เค้าบอกว่าเสียดายเหมือนกันซึ่งผมก็อธิบายไปว่าผมอายุ 31แล้วนะจะให้โสดไปถึงเมื่อไหร่สักวันหนึ่งผมก็ต้องแต่งงานอยู่ดี หลังๆ ทุกคนก็เข้าใจมากขึ้นครับ"
กดดันไหมกับชีวิตหัวหน้าครอบครัวเพราะเมื่อก่อนมีแค่เราตัวคนเดียว ?
"หัวหน้าครอบครัวจริงๆ ไม่น่ากลัวนะ แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวในครอบครัวเค้าด้วยก็เลยค่อนข้างกดดัน ยิ่งช่วงที่คุณพ่อเค้าเสียผมเองก็เป็นคนเดียวที่มีส่วนร่วมในการทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนศพ เรื่องเอกสารก็แทบจะทั้งหมดเลย ซึ่งเราทั้งสองคนก็คิดไว้แล้วแหละครับว่าในเมื่อเรากลับมาคบกันในสถานการณ์แบบนี้มันก็คงเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ข้างบนเค้าบอกให้เรากลับมาคุยกัน (ยิ้ม)"
ขอบคุณภาพประกอบข่าวบางส่วนจาก facebook Suttawat Settakorn
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ