ถึงฎีกา!กระทิงแม่นโทษยิงดับอัซซูรี่7-6ลิ่วชิงฯคอนเฟดฯ+คลิป
ฟุตบอล : สู้กันถึงดวลฎีกาสำหรับ 2 ทีมยักษ์ใหญ่จากทวีปยุโรป หลังจากที่เสมอกันในช่วง 90 นาที และช่วงต่อเวลาพิเศษ 0-0 ดวลจุดโทษ ปรากฎว่า "กระทิงดุ" ยิงแม่นกว่า เอาชนะ "อัซซูรี่" ไปได้ 7-6 ผ่านเข้าไปชิงฯกับ "เซเลเซา" ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.ต่อไป
ฟุตบอล ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 รอบรองชนะเลิศ แข่งคืนวันพฤหัสบดีที่ที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่สนามเอสตาดิโอ กาสเตเลา เป็นการพบกันระหว่าง "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน ในฐานะแชมป์โลก และแชมป์กลุ่ม บี คว้าชัย 3 เกมรวดพบกับ "ฮัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี ตัวแทนจากทวีปยุโรป และเป็นอันดับ 2 จากกลุ่ม เอ
เริ่มเกมมา เป็นไปตามฟอร์ม สเปน เปิดฝ่ายเปิดฉากบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม ได้ลุ้นทันที นาทีที่ 2 เป็นจังหวะที่แนวรับ อิตาลี สกัดบอลมาเข้าทาง เปรโดร แต่งบอลยิงด้วยขวาตรงเส้นเขตโทษ แต่ไม่ตรงกรอบ
น.8 ฝั่ง อิตาลี ที่เล่นแบบรัดกุมรอสวนอย่างเดียว มีโอกาสลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อันเดรีย ปิร์โล่ เปิดเข้าเขตโทษ แล้วเป็น คริสเตียน มาจโจ้ ได้โหม่งเต็มๆ แต่บอลดด่งข้ามคาน
น.15 แม้ว่าดูเป็นรอง แต่ อิตาลี ก็สามารถต่อกรได้ดี มีโอกาสลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ อันโตนิโอ คันเดรว่า เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ จิลาร์ดิโน่ โฉบมาแปที่เสาแรก บอลเปลี่ยนทางไหลผ่านหน้าปากประตูไป
น.19 เกมเริ่มตกเป็นของ อิตาลี มากขึ้น มีโอกาสลุ้นหวาดเสียวอีกครั้ง จากฟรีคิกทางฝั่งขวา อันเดรีย ปิร์โล่ ปั่นโค้งเข้าเขตโทษ เด รอสซี่ ขึ้นโหม่งตรงเส้น 6 หลาแบบไร้ตัวประกบ แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
น.36 อิตาลี พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อ จัคเครินี่ ลากบอลเข้าหาเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตักข้ามไปอีกฝั่งให้ คริสเตียน มาจโจ้ เติมมาจากด้านหลัง พุ่งโหม่งโล่งแค่ 6 หลา แต่บอลไปติดเซฟ อิเกร์ กาซิยาส
น.37 ทัพ "กระทิงดุ" ที่แทบหาช่องเจาะเข้าทำไม่ได้เลย มีโอกาสลุ้นในจังหวะที่ ชาบี สะกิดต่อบอลให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลในเขตโทษก่อนพลิกตัวหนี บาร์ซาญี่ แล้วกดด้วยซ้าย บอลพุ่งหลุดเสาไกลออกไป
ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที อิตาลี ได้ลุ้นอีกครั้ง เด รอสซี่ กดด้วยซ้ายเต็มข้อตรงเส้น 18 หลา บอลพุ่งเข้ากรอบ กาซิยาส ต้องออกแรงทุบทิ้ง ทำให้จบครึ่งแรก ยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง อิตาลี แก้เกมด้วยการส่ง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ลงสนามแทน อันเดรีย บาร์ซาญี่ แต่ลงสนามมาได้ 2 นาที อีเนียสต้า ได้หลุดไปยิงด้วยซ้ายมุมแคบในเขตโทษ แต่ไม่ตรงกรอบ
น.53 สเปน ที่รูปเกมยังไม่ดีขึ้น ต้องแก้เกมด้วยการส่ง เฆซุส นาบาส ปีกร่างเล็กนักเตะใหม่ แมนฯ ซิตี้ ลงสนามมาแทน ดาบิด ซิลบา เพื่อนร่วมสังกัด
น.58 โอกาสลุ้นหวาดเสียวของ สเปน อีกครั้งในครึ่งหลัง ตอร์เรส เก็บบอลได้ทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลย้อนกลับมาให้ เฆซุส นาบาส ตะบันด้วยขวา แต่บอลไปตรงตัว บุฟฟ่อน
น.69 อิตาลี ที่เริ่มเป็นฝ่ายต่อบอลได้มากกว่าอีกครั้ง มีโอกาสลุ้น ในจังหวะที่ คริสเตียน มาจโจ้ กระชากบอลไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนปาดเรียดเข้ากลางให้ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ง้างเท้ายิงเน้นๆ แต่ ปิเก้ พุ่งสไลด์บล็อกได้ทัน
น.80 ทั้งสองทีมเปลี่ยนผู้เล่นสำรองเพิ่มอีกคนพร้อมๆ กัน อิตาลี ส่ง อัลแบร์โต้ อควิลานี่ ลงมาคุมแดนกลางแทน เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ขณะที่ สเปน ส่ง ฆวน มาต้า ลงเล่นแทน เปโดร โรดริเกซ
น.85 เข้าสู่ช่วงท้ายเกม สเปน ที่เดินเกมได้ค่อนข้างช้า มีโอกาสลุ้นประตู จากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เปิดบอลจากเขตโทษฝั่งขวาเข้ากลางมาให้ เกราร์ด ปิเก้ เดิมเกมรุกขึ้นสูงได้แปด้วยขวาเน้นๆ แต่บอลโด่งข้ามคานออกไป
เวลาที่เหลือ ไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกสูสี แต่สุดท้ายไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบ 120 นาที เสมอกันไปอีก 0-0 ต้องดวลจุดโทษหาผู้ชนะ
- อิตาลี ส่ง อันโตนิโอ คันเดรว่า ยิงก่อนแล้วก็ชิพเข้าไปอย่างเหนือชั้น
- ส่วนคนแรกของ สเปน เป็น ชาบี เอร์นานเดซ ยิงเข้าไปไม่พลาด
- คนที่ 2 ของ อิตาลี อัลแบร์โต้ อควิลานี่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 2 ของ สเปน เป็น อันเดรส อีเนียสต้า ยิงเข้าไป
- คนที่ 3 ของ อิตาลี เป็น ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 3 ของ สเปน เป็น เกราร์ด ปิเก้ ยิงเข้าไป
- คนที่ 4 ของ อิตาลี เป็น เซบาสเตียน โจวินโก้ ยิงเข้าไป
- คนที่ 4 ของ สเปน เป็น เซร์คิโอ รามอส ยิงเข้าไป
- คนที่ 5 ของ อิตาลี เป็น อันเดรีย ปิร์โล่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 5 ของ สเปน เป็น ฆวน มาต้า ยิงเข้าไป
ทั้ง 5 คนของทั้งสองทีมยิงเข้าไปไม่พลาด ต้องดวลต่อช่วงซัดเดิลเดธ ปรากกฎว่า อิตาลี ส่ง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ มายิงก่อนแล้วก็ไม่พลาด ขณะที่ฝั่ง สเปน เป็น เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ยิงเข้าไป คนต่อมาของ อิตาลี เป็นทาง เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ยิงโด่งข้ามคานออกไป และ สเปน ส่ง เฆซุส นาบาส มายิงปิดเกม เข้าไปไม่พลาด
ส่งผลให้ สเปน เอาชนะ อิตาลี ไปในช่วงดวลจุดโทษ 7-6 ผ่านเข้าสูรอบชิงชนะเลิศ ศึก คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ไปพบกับเจ้าภาพ บราซิล ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.
รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติสเปน
อิเกร์ กาซิยาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เกราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า - ดาบิด ซิลบา (เฆซุส นาบาส น.53), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ฆาบี มาร์ติเนซ น.94), เปโดร โรดริเกซ (ฆวน มาต้า น.79)
สำรองไม่ได้ใช้
บิคตอร์ บัลเดส, เปเป้ เรน่า - ราอูล อัลบิโอล, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาบิด บีย่า, นาโช่ มอนเรอัล, เชส ฟาเบรกาส, ซานติ กาซอร์ล่า, โรแบร์โต้ โซลดาโด้
รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติอิตาลี
จานลุยจิ บุฟฟ่อน - อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ น.46), เลโอนาโด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - คริสเตียน มาจโจ้, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, อันเดรีย ปิร์โล่, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ - อันโตนิโอ คันเดรว่า, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (อัลแบร์โต้ อควิลานี่ น.80) - อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (เซบาสเตียน โจวินโก้ น.91)
สำรองไม่ได้ใช้
ซัลวาตอเร่ ซิริกู, เฟเดริโก้ มาเค็ตติ - มัตเตีย เด ชีโญ่, อิ๊กนาซิโอ อบาเต้, ดาวิเด้ อัสโตรี่, อเลสซานโดร เดียมานติ, อเลสซิโอ เคอร์ชี่, สเตฟาน เอล ชาราวี่
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)
ฟุตบอล ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 รอบรองชนะเลิศ แข่งคืนวันพฤหัสบดีที่ที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่สนามเอสตาดิโอ กาสเตเลา เป็นการพบกันระหว่าง "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน ในฐานะแชมป์โลก และแชมป์กลุ่ม บี คว้าชัย 3 เกมรวดพบกับ "ฮัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี ตัวแทนจากทวีปยุโรป และเป็นอันดับ 2 จากกลุ่ม เอ
เริ่มเกมมา เป็นไปตามฟอร์ม สเปน เปิดฝ่ายเปิดฉากบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม ได้ลุ้นทันที นาทีที่ 2 เป็นจังหวะที่แนวรับ อิตาลี สกัดบอลมาเข้าทาง เปรโดร แต่งบอลยิงด้วยขวาตรงเส้นเขตโทษ แต่ไม่ตรงกรอบ
น.8 ฝั่ง อิตาลี ที่เล่นแบบรัดกุมรอสวนอย่างเดียว มีโอกาสลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อันเดรีย ปิร์โล่ เปิดเข้าเขตโทษ แล้วเป็น คริสเตียน มาจโจ้ ได้โหม่งเต็มๆ แต่บอลดด่งข้ามคาน
น.15 แม้ว่าดูเป็นรอง แต่ อิตาลี ก็สามารถต่อกรได้ดี มีโอกาสลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ อันโตนิโอ คันเดรว่า เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ จิลาร์ดิโน่ โฉบมาแปที่เสาแรก บอลเปลี่ยนทางไหลผ่านหน้าปากประตูไป
น.19 เกมเริ่มตกเป็นของ อิตาลี มากขึ้น มีโอกาสลุ้นหวาดเสียวอีกครั้ง จากฟรีคิกทางฝั่งขวา อันเดรีย ปิร์โล่ ปั่นโค้งเข้าเขตโทษ เด รอสซี่ ขึ้นโหม่งตรงเส้น 6 หลาแบบไร้ตัวประกบ แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
น.36 อิตาลี พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อ จัคเครินี่ ลากบอลเข้าหาเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตักข้ามไปอีกฝั่งให้ คริสเตียน มาจโจ้ เติมมาจากด้านหลัง พุ่งโหม่งโล่งแค่ 6 หลา แต่บอลไปติดเซฟ อิเกร์ กาซิยาส
น.37 ทัพ "กระทิงดุ" ที่แทบหาช่องเจาะเข้าทำไม่ได้เลย มีโอกาสลุ้นในจังหวะที่ ชาบี สะกิดต่อบอลให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลในเขตโทษก่อนพลิกตัวหนี บาร์ซาญี่ แล้วกดด้วยซ้าย บอลพุ่งหลุดเสาไกลออกไป
ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที อิตาลี ได้ลุ้นอีกครั้ง เด รอสซี่ กดด้วยซ้ายเต็มข้อตรงเส้น 18 หลา บอลพุ่งเข้ากรอบ กาซิยาส ต้องออกแรงทุบทิ้ง ทำให้จบครึ่งแรก ยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง อิตาลี แก้เกมด้วยการส่ง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ลงสนามแทน อันเดรีย บาร์ซาญี่ แต่ลงสนามมาได้ 2 นาที อีเนียสต้า ได้หลุดไปยิงด้วยซ้ายมุมแคบในเขตโทษ แต่ไม่ตรงกรอบ
น.53 สเปน ที่รูปเกมยังไม่ดีขึ้น ต้องแก้เกมด้วยการส่ง เฆซุส นาบาส ปีกร่างเล็กนักเตะใหม่ แมนฯ ซิตี้ ลงสนามมาแทน ดาบิด ซิลบา เพื่อนร่วมสังกัด
น.58 โอกาสลุ้นหวาดเสียวของ สเปน อีกครั้งในครึ่งหลัง ตอร์เรส เก็บบอลได้ทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลย้อนกลับมาให้ เฆซุส นาบาส ตะบันด้วยขวา แต่บอลไปตรงตัว บุฟฟ่อน
น.69 อิตาลี ที่เริ่มเป็นฝ่ายต่อบอลได้มากกว่าอีกครั้ง มีโอกาสลุ้น ในจังหวะที่ คริสเตียน มาจโจ้ กระชากบอลไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนปาดเรียดเข้ากลางให้ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ง้างเท้ายิงเน้นๆ แต่ ปิเก้ พุ่งสไลด์บล็อกได้ทัน
น.80 ทั้งสองทีมเปลี่ยนผู้เล่นสำรองเพิ่มอีกคนพร้อมๆ กัน อิตาลี ส่ง อัลแบร์โต้ อควิลานี่ ลงมาคุมแดนกลางแทน เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ขณะที่ สเปน ส่ง ฆวน มาต้า ลงเล่นแทน เปโดร โรดริเกซ
น.85 เข้าสู่ช่วงท้ายเกม สเปน ที่เดินเกมได้ค่อนข้างช้า มีโอกาสลุ้นประตู จากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เปิดบอลจากเขตโทษฝั่งขวาเข้ากลางมาให้ เกราร์ด ปิเก้ เดิมเกมรุกขึ้นสูงได้แปด้วยขวาเน้นๆ แต่บอลโด่งข้ามคานออกไป
เวลาที่เหลือ ไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกสูสี แต่สุดท้ายไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบ 120 นาที เสมอกันไปอีก 0-0 ต้องดวลจุดโทษหาผู้ชนะ
- อิตาลี ส่ง อันโตนิโอ คันเดรว่า ยิงก่อนแล้วก็ชิพเข้าไปอย่างเหนือชั้น
- ส่วนคนแรกของ สเปน เป็น ชาบี เอร์นานเดซ ยิงเข้าไปไม่พลาด
- คนที่ 2 ของ อิตาลี อัลแบร์โต้ อควิลานี่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 2 ของ สเปน เป็น อันเดรส อีเนียสต้า ยิงเข้าไป
- คนที่ 3 ของ อิตาลี เป็น ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 3 ของ สเปน เป็น เกราร์ด ปิเก้ ยิงเข้าไป
- คนที่ 4 ของ อิตาลี เป็น เซบาสเตียน โจวินโก้ ยิงเข้าไป
- คนที่ 4 ของ สเปน เป็น เซร์คิโอ รามอส ยิงเข้าไป
- คนที่ 5 ของ อิตาลี เป็น อันเดรีย ปิร์โล่ ยิงเข้าไป
- คนที่ 5 ของ สเปน เป็น ฆวน มาต้า ยิงเข้าไป
ทั้ง 5 คนของทั้งสองทีมยิงเข้าไปไม่พลาด ต้องดวลต่อช่วงซัดเดิลเดธ ปรากกฎว่า อิตาลี ส่ง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ มายิงก่อนแล้วก็ไม่พลาด ขณะที่ฝั่ง สเปน เป็น เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ยิงเข้าไป คนต่อมาของ อิตาลี เป็นทาง เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ยิงโด่งข้ามคานออกไป และ สเปน ส่ง เฆซุส นาบาส มายิงปิดเกม เข้าไปไม่พลาด
ส่งผลให้ สเปน เอาชนะ อิตาลี ไปในช่วงดวลจุดโทษ 7-6 ผ่านเข้าสูรอบชิงชนะเลิศ ศึก คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ไปพบกับเจ้าภาพ บราซิล ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.
รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติสเปน
อิเกร์ กาซิยาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เกราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า - ดาบิด ซิลบา (เฆซุส นาบาส น.53), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ฆาบี มาร์ติเนซ น.94), เปโดร โรดริเกซ (ฆวน มาต้า น.79)
สำรองไม่ได้ใช้
บิคตอร์ บัลเดส, เปเป้ เรน่า - ราอูล อัลบิโอล, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาบิด บีย่า, นาโช่ มอนเรอัล, เชส ฟาเบรกาส, ซานติ กาซอร์ล่า, โรแบร์โต้ โซลดาโด้
รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติอิตาลี
จานลุยจิ บุฟฟ่อน - อันเดรีย บาร์ซาญี่ (ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ น.46), เลโอนาโด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - คริสเตียน มาจโจ้, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, อันเดรีย ปิร์โล่, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ - อันโตนิโอ คันเดรว่า, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (อัลแบร์โต้ อควิลานี่ น.80) - อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (เซบาสเตียน โจวินโก้ น.91)
สำรองไม่ได้ใช้
ซัลวาตอเร่ ซิริกู, เฟเดริโก้ มาเค็ตติ - มัตเตีย เด ชีโญ่, อิ๊กนาซิโอ อบาเต้, ดาวิเด้ อัสโตรี่, อเลสซานโดร เดียมานติ, อเลสซิโอ เคอร์ชี่, สเตฟาน เอล ชาราวี่
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)
Spain vs Italy ( 0-0 ) 7-6 All Goals & Penalties
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ