ปปง.เผยบัญชีเณรคำมีเงินหมุน197ล.ถกกองปราบอายัด
''พ.ต.ท.ธีรพงษ์'' ป.ป.ง. เผย บัญชี 'หลวงปู่เณรคำ' มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 197 ล้านบาท ขอเวลาตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไป ก่อนเสนออายัด
พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง การทำธุรกรรมทาง
การเงินของ พระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ว่า การตรวจสอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก
คือบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาค พบว่ามีทั้งหมด 16 บัญชี โดยในนี้มีจำนวน 3 บัญชี ที่มีความผิดปกติมาก
มีความเคลื่อนไหวในช่วงปี 2553 - ปัจจุบัน ยอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 197 ล้านบาท มีธุรกรรมอีก 100 กว่า
รายการ ส่วนตัวบุคคลมีเงินหมุนเวียน 150 กว่าล้านบาท มีธุรกรรมอีก 70 กว่ารายการ
บัญชีที่ผิดปกติมียอดเงินเข้ามาจำนวนมาก และโอนไป จึงปรึกษากองปราบปราม ในการตรวจสอบธุรกรรม
ต่างๆ ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร
โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาที่ไป เพราะข้อมูลมีจำนวนมาก คงต้องใช้เวลาสักระยะ โดยข้อมูลที่
นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
มายื่น ถือว่ามีประโยชน์มาก ส่วนการอายัดทรัพย์ ถ้าพบตามความผิดมูลฐานเข้าข่าฉ้อโกง ก็ดำเนินการตรวจ
สอบทรัพย์สิน และเสนออายัดใน 90 วัน ให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็จะยื่นศาลแพ่งอายัดต่อไป
ปปง.พบบัญชี'เณรคำ'ขัดกม.จ่ออายัดทรัพย์
ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้ากรณี นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยื่นเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมทางการเงิน 16 บัญชีของ พระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ล่าสุดพบว่า มีจำนวน 10 บัญชี ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และมีการทำธุรกรรมทางการเงินเกินกว่า 2 ล้านบาท โดยที่ไม่มีการรายงานต่อทาง ปปง. ซึ่งถือว่าขัดต่อกฎหมาย
นอกจากนี้ ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ ยังเผยอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่ทราบว่าบัญชีดังกล่าวใช้ทำธุรกรรมอะไรบ้าง โดยพบแต่เพียงว่าเป็นการโอนเงินภายในประเทศ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเงินบริจาค โดยขั้นตอนต่อไป จะมีรวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอเข้าคณะกรรมการธุรกรรมในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เพื่อมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของ ปปง. เข้าตรวจสอบ และหากเข้าข่ายความผิดก็จะทำการอายัดทรัพย์สินต่อไป