พระ 1,000ล้าน สังคมไทยไม่เคยจำ!

พระ 1,000ล้าน สังคมไทยไม่เคยจำ!

พระ 1,000ล้าน สังคมไทยไม่เคยจำ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศมาได้ระยะหนึ่งแล้วกรณี เณรคำ หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก แห่งวัดป่าขันติธรรม ที่ถูกลากเบื้องหลังอันฉาวโฉ่ออกมาตีแผ่จนแทบจะหมดทุกมุม ไม่ต่างจากพระดังในอดีตอีกหลายคนที่สร้างภาพให้ผู้คนศรัทธา แต่เบื้องหลังตักตวงผลประโยชน์จากศรัทธานั้นจนร่ำรวยมหาศาล นอกจากนั้นเกือบทุกรายจะต้องมีเรื่องของผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง 

ลองมาย้อนดูว่าพระฉาวชื่อดังก่อน เณรคำ มีใครบ้าง

พระครูใบฎีกานิกร ธรรมวาที (นายนิกร ยศคำจู) 
พระนักเทศน์เสียงทองแห่งยุคนั้น มีสำนักปฏิบัติธรรมหลายสิบแห่งทั่วประเทศ แต่ต้องอื้อฉาวไปทั่วประเทศในปีพ.ศ.2533 เมื่อนางอรปวีณา บุตรขุนทอง ออกมาแฉว่ามีความสัมพันธ์ จนมีลูกด้วยกันกับพระนิกร แต่ในตอนนั้นพระชื่อดังตอบโต้ว่ามีผู้อิจฉาในชื่อเสียงของตนใส่ร้าย แต่ในที่สุดด้วยหลักฐานที่แน่นหนาทั้งจดหมายรักที่ส่งถึงกัน ภาพถ่าย ทำให้ศาลสงฆ์ มีมติระบุความผิดพระนิกรว่าเป็น "ปฐมปาราชิก" คือการเสพเมถุนกับอิสตรี ขาดจากความเป็นพระ 

พระยันตระ อมโรภิกขุ (นายวินัย ละอองสุวรรณ)
พระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) อดีตพระดังที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์นักปฏิบัติธรรม มีผู้เคารพศรัทธาทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เรื่องราวของพระยันตระก็ไม่ต่างจาก เณรคำ หลังจากบวชได้สักระยะก็เป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย มีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักเขาจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามของเขาในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น 

ด้วยวัตรปฏิบัติรวมถึงคำสอนของเขา ทำให้เป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น จนในปี พ.ศ. 2537 เขาได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น จนในที่สุดเขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น ก่อนที่นายวินัยจะลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมเพื่อหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทำให้นายวินัยสามารถหลบหนีคดีความอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้จนถึงปัจจุบัน 

พระอิสรมุนี สำนักสงฆ์ป่าละอู จังหวัดเพชรบุรี
พระอิสระมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมวิหารี (วัดร่วมใจพัฒนา-วัดป่าละอู) อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระสงฆ์สายวิปัสสนาที่เป็นที่เคารพนับถือกับนักการเมืองดังหลายคน อดีตคือพระพระนักเทศน์ชื่อดัง แต่จากการสืบสวนของทีมงานรายการถอดรหัส ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในขณะนั้น ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พบหลักฐานเป็นจดหมายเขียนถึงสีกาสาว 10 หน้ากระดาษและเทปสนทนาทางโทรศัพท์ ซึ่งพระอิสระมุนีก็ได้สึกจากสมณเพศในทันที ข่าวพระอิสระมุนีนี้ทำให้ไอทีวีได้รับรางวัลสารคดีเชิงข่าวยอดเยี่ยม รางวัล "แสงชัย สุนทรวัฒน์" จากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ประจำพ.ศ.2544

พระภาวนาพุทโธ (นายจำลอง คนซื่อ)
ข่าวของอดีตพระรูปนี้เป็นอีกบันทึกหน้าหนึ่งของสังคมไทย โดยในปี พ.ศ.2538 พระภาวนาพุทโธ พระวิปัสสนาดาวรุุ่ง กลับถูกข้อกล่าวหาว่านข่มขืนกระทำชำเรา เด็กชาวเขาจากจ.แม่ฮ่องสอน และจากจ.เชียงใหม่ ที่อุปการะไว้ โดยมีการแฉว่าพระภาวนาพุทโธมีพฤติกรรมชัวช้าตั้งแต่ปี 2531-2538 แต่เรื่องมาปรากฏเป็นข่าวในพ.ศ.2538 จากพระลูกวัดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของเด็กหญิงชาวเขานั่นเอง คดีนี้สู้กันถึงศาลฎีกา ซึ่งสุดท้าย ศาลฎีกมีคำพิพากษาวว่ามีความผิดจริง 

ทุกกรณีที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงยิ่งทั้งสิ้น มีญาติโยมบริจาคเงินทองให้มากมาย แต่สุดท้ายเบื้องหลังก็ประพฤติตัวชั่วช้าไม่ต่างจากโจรในคราบผ้าเหลือง แต่แม้ว่าจะผ่านมาหลายครั้งหลายคราว สังคมไทยก็ยังไม่จดจำ ยังคงหน้ามืดตามัว หลงศรัทธาโดยไม่ใช้สติ จนสุดท้ายก็ต้องตกเป็นเหยื่อของพระเหล่านี้ รวมถึงกรณีของ เณรคำ ที่กำลังโด่งดังในปัจจุบัน 


เรื่องโดย ทีมข่าว Sanook! News 

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ พระ 1,000ล้าน สังคมไทยไม่เคยจำ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook