DSIมีมติ7ประเด็นฟ้อง2ข้อหาอายัดทรัพย์เณรคำ
ดีเอสไอ สรุป มีมติ 7 ประเด็น คดีเณรคำ ฟ้อง 2 ข้อหา อายัดรถและทรัพย์สินทั้งหมด คาด สัปดาห์นี้เสร็จด้านเจ้าสำนักสงฆ์พุทธชยันตี ฟ้องศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 2.5 ล. จากการซื้อขายที่ดินนัดไกล่เกลี่ย 26 ส.ค.นี้
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประชุมพนักงานสอบสวน ในคดี นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ โดย นายธาริต กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติใน 7 ประเด็น 1.เห็นชอบขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายวิรพล ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฐานกระทำชำเรา และพรากผู้เยาว์เด็กอายุ ต่ำกว่า 15 ปี 2.จะส่งเรื่องให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการเพิกถอนหนังสือการเดินทาง ส่วนการเพิกถอนวีซ่าจะประสานสหรัฐอเมริกาโดยตรง 3.อายัดทรัพย์ ในบัญชีธนาคาร จำนวน 41 บัญชี รวมถึงอายัดที่ดิน รถยนต์ ที่เป็นชื่อของนาย วิรพล ทั่วประเทศ 4.ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อทำการยึดทรัพย์สินที่นอกเหนือจากบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของ นายวิรพล 5.ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ จะยื่นเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อมีคำสั่งให้เด็กอายุ 11 ปี ถือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิ์รับค่าเลี้ยงดู 6.ต้องการให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเข้ามาเป็นพยานในคดี และ 7.ดีเอสไอ ได้เปิดศูนย์ฮอตไลน์ในการแจ้งเบาะแสต่าง ๆ ทางคดี หมายเลข 090 123 1230 ทั้งนี้ นายธาริต ยังย้ำว่า กระบวนการทั้งหมดจะดำเนินให้แล้วเสร็จ ภายในสัปดาห์นี้
สำนักสงฆ์ พุทธชยันตี ฟ้องแพ่งเณรคำ 2.5 ล.
พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์ โชติรส จากสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี พร้อมด้วย นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ เดินทางมายัง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด เรียกค่าเสียหายจำนวน 2.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 /ปี จากกรณี ต้นปี 2555 จำเลย ได้ประกาศขายที่ดินย่านพุทธมณฑล สาย 3 เนื้อที่ 14 ไร่ 22 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างในราคา 55 ล้านบาท แต่ทางโจทก์ไม่มีเงินที่จะ
ซื้อที่ดินดังกล่าวได้ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แนะนำให้รู้จักกับอดีตพระเณรคำ โดยอ้างว่า สามารถออกเงินซื้อที่ดินดังกล่าว เพื่อสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรมได้ โดย พระธีรธนัชณฤทธา ได้รวบรวมเงินที่ได้จากการบริจาค เพื่อวางมัดจำไปก่อน จำนวน 5 แสนบาท แล้วทำสัญญาสำเร็จรูปให้ชำระเงิน 54.5 ล้าน ภายใน 2 เดือน เพื่อให้อดีตพระเณรคำ ชำระส่วนที่เหลือตามสัญญา ซึ่งภายหลังจากการชำระเงินมัดจำแล้ว จำเลยได้ยินยอมให้เข้าไปใช้พื้นที่พร้อมปลูกสร้าง แต่หลังจากครบกำหนดสัญญาแล้ว ทางฝ่ายของอดีตพระเณรคำ ไม่มีการชำระส่วนต่าง
ให้ตามที่สัญญา ทำให้ได้รับความเสียหาย ค่าสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่รวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้ประทับรับฟ้องและนัดให้ มานัดไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย ในวันและกำหนดประเด็นพิจารณา ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้
ผู้ว่าฯ พิษณุโลกตรวจสำนักปฏิบัติธรรมสมีคำ
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายไทย อ่ำทุ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านแก่งเจ็ดแคว ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ เดินทางไปตรวจสอบสถานปฏิบัติธรรมของ เณรคำ สาขา 101 ที่ตั้งอยู่ หมู่ที่ 11 บ้านแก่งเจ็ดแคว หลังจากหลายหน่วยงานไม่สั่งสอบสำนักปฏิบัติธรรมของเณรคำทั่วประเทศ
นายไทย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวมีคนยกให้กับหลวงปู่เณรคำในขณะนั้น เพื่อทำศูนย์ปฏิบัติธรรม มีพิธีเปิดศูนย์ในวันที่ 18 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา โดยหลวงปู่เณรคำเดินทางมาประกอบพิธี ในเบื้องต้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เพื่อตรวจดูว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของใคร และมีการบุกรุกป่าหรือไม่ เพราะพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า เป็นที่ ส.ป.ก. และขณะนี้ไม่มีคนอาศัย มีเนื้อที่จำนวน 29 ไร่ ตนจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ป.ประชุมคดีเณรคำเพื่อสรุปส่งต่อดีเอสไอ
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม พร้อมพนักงานสอบสวน ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินคดีกับ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระวิรพล ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ
โดยระบุว่า พนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะส่งสำนวนการสอบสวนให้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันที่ 19 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. เพื่อรับไปดำเนินการต่อ เพราะ ดีเอสไอ รับคดีนี้เข้าเป็นคดีพิเศษแล้ว ในส่วนของกองปราบปราม หากมีการประสานให้มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ทางกองปราบปรามก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งคดีในส่วนที่กองปราบปรามรับผิดชอบ ตามที่ นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าร้องทุกข์ เพื่อให้ตรวจสอบในคดี นายวิรพล ฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นๆ นั้น กองปราบปรามจะไม่มีการดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งสำนวนคดีนี้ก็จะส่งให้ดีเอสไอรับไปดำเนินการด้วยเช่นกัน
สำหรับคดีนี้ แม้ นายวิรพล จะยังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ก็เชื่อว่า ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินคดี เนื่องจากประเทศไทยสามารถประสานขอความร่วมมือกับทุกประเทศได้
*** ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ***
DSIเล็งขอศาลตรวจ DNAแม่เณรคำคาดหมายจับข่มขืนวันนี้
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=465750