DSI ประสานตร.สากลล่าเณรคำกบดานUSA
'ธาริต' เดินหน้าล่าตัว'สมีคำ' แปลหมายจับเป็นภาษาอังกฤษ ประสานอินเตอร์โปลออนไลน์หมายจับทั่วโลก ด้าน ปปง. คาดวิเคราะห์เส้นทางเงิน'เณรคำ'เสร็จ19 ก.ค.นี้ ขณะ หลานเณรคำ บุกDSI เผา จยย. ประท้วงร้องคดีไม่เป็นธรรม
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดีของ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ที่ศาลอนุมัติอกหมายจับ ใน 3 ข้อหา เมื่อวานแล้วนั้น ล่าสุด ดีเอสไอ ได้นำสืบจับตัวตามหมายจับแล้ว โดยมี 2 ส่วนที่เร่งดำเนินการคือ แจ้งไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ให้ทราบว่า ศาลได้ออกหมายจับแล้ว อีกส่วนคือ ประสานไปยัง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเร่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของอดีตพระเณรคำและประสานไปยังสถานทูตที่เป็นจุดกบดานหลบหนีของอดีตพระรูปนี้ คือที่ สหรัฐ ด้วย เพื่อยกเลิกวีซ่า
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ ได้แปลหมายจับเป็นภาษาอังกฤษ และประสานไปยัง ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โปล เพื่อนำหมายจับเข้าสู่สารระบบของอินเตอร์โปล เพื่อตามล่าตัวผู้ต้องหาอีกแรงหนึ่ง ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ จะสามารถได้ตัวผู้ต้องหาเร็วขึ้น เพราะหากมีการถอนทั้งวีซ่าและหนังสือเดินทาง สถานภาพของอดีตพระเณรคำ จะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ง่ายต่อการส่งตัวกลับ มากกว่าการที่จะส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพราะต้องผ่านขั้นตนของอัยการ ที่ต้องสั่งคดีก่อน จึงจะกระทำในลักษณะนี้ได้ ซึ่งจะใช้เวลานานมาก
อนึ่ง ในเวลา 12.00 น. วันนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จะเดินทางไปยื่นเอกสารร้องเรียนต่อ สมเด็จพระวันรัต กรณีเรื่องเจ้าคณะสงฆ์ เกี่ยวข้องกับอดีตพระเณรคำ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
ปปง.คาดวิเคราะห์เส้นทางเงิน'เณรคำ' เสร็จ19ก.ค.
ร.ต.อ.หญิง สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยกับ
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ของคณะกรรมการธุรกรรม ต้องรอผลคาดว่าจะทราบในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่มีอยู่ ส่วนการตรวจสอบคงเป็นหลังจากนั้น เพราะต้องรอขั้นตอนวิเคราะห์นี้ก่อน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า เงินในบัญชีกว่า 300 ล้านบาท ของอดีตพระเณรคำที่หายไปนั้นก็กำลังตรวจสอบไปยังสถาบันการเงินอยู่ ส่วนจะเป็นการยักย้ายถ่ายเทเงินเพื่อหลบหนีการตรวจสอบนั้น ต้องดูก่อนว่า มีการถอนไปเมื่อไร อย่างไรก็ตาม หากเงินถูกยักย้ายไปจริง ก็ยังตรวจสอบได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรามีอำนาจอยู่ หากเข้าข่ายความผิดมูลฐานฉ้อโกงประชาชน ก็อาจเป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วยและจะต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ซึ่งคงจะอ้างว่าไม่ทราบคงไม่ได้ เพราะเป็นข่าวครึกโครมขนาดนี้ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีเหล่านี้ ต้องหยุดดำเนินการใดๆ และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนทองคำ 8 ตัน ที่เป็นข่าวว่า อดีตพระเณรคำ มีไว้นั้น ก็จะดำเนินการตรวจสอบไปพร้อมกัน โดยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยตลอด
DSIเร่งตรวจสอบรถสมีคำโยงคดีรถหรูหรือไม่
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้า การตรวจสอบรถยนต์ที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีของ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่า ในวันนี้ จะนำทีมพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อทำการตรวจสอบรถยนต์ตามข้อมูลที่ได้รับจากพลเมืองดีเพิ่มเติม ซึ่งจะทำการตรวจสอบ 2 จุด ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ส่วนจะเป็นรถประเภทใดและมีจำนวนเท่าใดนั้น ยังไม่ทราบได้ เนื่องจากขนาดนี้เป็นเพียงข้อมูลดิบที่ได้มาจากคำบอกเล่าของพยานซึ่งเคยใกล้ชิดกับ นายวิรพล เท่านั้น ซึ่งต้องทำการลงพื้นที่ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน
ส่วนหลังจากมีการตรวจสอบแล้ว หากพบว่าเป็นรถยนต์ที่มีส่วนเกียวข้องทางคดี จะทำการอายัดมาตรวจสอบอย่างละเอียด ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการ
หลานเณรคำ บุกDSIเผาจยย.ประท้วงคดีไม่เป็นธรรม
พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดเหตุเผารถจักรยานยนต์ ประท้วง บริเวณหน้าตึกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน. ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก มีบุคคลทำการจุดไฟเผารถจักรยานยนต์ ของตนเอง บริเวณหน้าตึกดีเอส ไป เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ นายวิรพล สุขพล หรือ อดีตพระเณรคำ ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ถูกดีเอสไอตรวจสอบและออกหมายจับดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กระทำชำเราและพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และ ฉ้อโกง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และคลี่คลายสถานการณ์แล้ว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้คุมตัวชายคนดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นหลายของอดีตพระเณรคำ ไปสอบสวนที่ชั้น 4 กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
DSIเตรียมลุยพื้นที่ขยายผลเณรคำฉ้อโกง
นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดีของ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ที่ศาลได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 3 คดี และหนึ่งในนั้น คือ คดีฉ้อโกง ซึ่งหลังจากนี้ พงส. จะลงพื้นที่ในหลายจุด ทั้ง จ.ศรีสะเกษ จ.อบุลราชธานี ตรวจสอบคนที่เกี่ยวข้องในคดีฉ้อโกง ที่จะรับเอกสารสำนวนจากกองปราบปราม ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) เพราะมั่นใจว่า มีอีกหลายคนที่ร่วมขบวนการนี้อยู่ ซึ่งในฐานข้อมูลพอจะทราบว่ามีใครบ้าง ซึ่งมีทั้งคนที่ร่วมแบบไม่รู้ความจริง มาด้วยความศรัทธา และอีกกลุ่มรู้ว่าทำเพื่อเงินจริงๆ โดยคาดว่าหลังจากนี้ จะมีผู้มาให้ข้อมูลจำนวนมาก และจะได้พิสูจน์ความจริงว่า อดีตพระเณรคำ นั้นมีทรัพย์สินเงินทองจริงๆ อยู่เท่าไหร่กันแน่ด้วย
ดีเอสไอเดินหน้าสอบทรัพย์สินญาติ'เณรคำ'
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดี หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้า การสอบสวนคดี นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ โดยระบุว่า วันนี้ได้เเบ่งทีมทำงานออก 3 ส่วน โดยส่วนเเรกใน กทม.จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ อาทิ ป.ป.ท. , ป.ป.ส. , สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , กรมศุลกากร โดยจะให้แต่ละหน่วยงานทราบว่า ขณะนี้ ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นายวิรพล แล้ว ซึ่งก็จะให้แต่ละหน่วยงานดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำไปที่ กรมศุลกากร ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ส่วนที่ 2 จะเป็นในเรื่องของ การลงพื้นที่ตรวจสอบรถยนต์ ที่ติดตามมาได้ทั้งหมดของนายวิรพล ซึ่ง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ จะดำเนินการ ส่วนที่ 3 จะสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 3 ปาก ซึ่งจะให้เบาะแส และให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ นายวิรพล
ขณะที่ในส่วนของทรัพย์สินของนายวิรพลที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ได้มีคำสั่งให้อายัด พนักงานสอบสวน จะต้องเดินหน้าพิสูจน์ทรัพย์สินของญาติพี่น้องและพรรคพวกของนายวิรพล ต่อไป ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของนายวิรพล หรือไม่
ส่วน การติดตามตัว นายวิรพล นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า พักพิงอยู่ในประเทศใด แต่ยืนยันว่า ดีเอสไอ มีข้อมูลแล้ว และได้ติดตามอย่างใกล้ชิด