ป่วน!ยิงผัวเมียไทยพุทธระแงะตาย2-ยิงอส.สายบุรีสาหัส1
คนร้ายประกบยิง 2 สามีภรรยา ชาวนราธิวาส เสียชีวิต ขณะขี่ จยย. กลับจากตลาด ส่วนอีกจุดโจรใต้ยิง อส.ทพ. ปัตตานี สาหัส ด้าน เลขาธิการ สมช. ปัด ไทยละเมิดข้อตกลงช่วงเดือนรอมฎอน ระบุ ยังไม่ตอบโต้ BRN ยัน อ.สะเดา ไม่ใช่พื้นที่รุนแรง
เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้าย จะใช้อาวุธปืนพกสั้นกระหน่ำยิงเข้าใส่ นายธงชัย พรหมจันทร์ อายุ 45 ปี และ นางนิตยา พรหมจันทร์ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 209/3 หมู่ 1 บ้านเจาะเกาะ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยทั้งคู่เป็นลูกจ้างของโครงการฟาร์มตัวอย่าง ซึ่งตั้งอยู่หลังที่ว่าการอำเภอเจาะไอร้อง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นพาหนะกลับจากตลาดตันหยงมัส อ.ระแงะ และกำลังเดินทางจะกลับบ้านพักที่ อ.เจาะไอร้อง ทำให้ทั้ง 2 คน เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย ได้ลงจากรถชิงเอารถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย
ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่ เชื่อว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่ หลังวิสามัญ นายมะสุเพียร มามะ แกนนำปฏิบัติการ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ก.ค.56 ที่ผ่านมา
คนร้ายยิงอส.ทพ. ปัตตานี บาดเจ็บสาหัส
ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ร.ทหารพราน 4803 กรมทหารพราน 48 เหตุเกิดบริเวณบ้านบลูการ์ยามู หมู่ที่ 5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ อส.ทพ.ซาดูลี อารงค์ อายุ 23 ปี ถูกยิงบริเวณศรีษะและแผ่นหลัง ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
จากการสอบสวน ทราบว่า เหตุเกิดขณะที่ผู้เสียหายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมภรรยา ระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก หลังจากมาซื้อของในตลาด ระหว่างทางได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดยิงใส่ก่อนหลบหนี และทำให้อาสาสมัครทหารพรานได้รับบาดเจ็บ ส่วนภรรยาปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ภราดรปัดไทยละเมิดตกลงรอมฎอนยังไม่ตอบโต้BRN
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวถึงกรณีที่ กลุ่มบีอาร์เอ็น ได้ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ละเมิดข้อตกลงในช่วงเดือนรอมฎอนก่อนนั้น ได้ปฏิเสธว่า ทางรัฐบาลไม่เคยละเมิดข้อตกลงตามที่ถูกกล่าวอ้าง และยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง และยึดแนวทางนโยบายตั้งรับ ที่จะเน้นดูแลความสะดวกของประชาชนในการเดินทางประกอบศาสนกิจ ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้ชี้แจงทางวาจา ต่อผู้ประสานงานกับประเทศมาเลเซียแล้ว จึงยังไม่จำเป็นต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้อย่างเป็นทางการ เพราะยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับ อ.สะเดา จ.สงขลา ก็ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อย่างใด ซึ่งจะมีเพียงการดูแลความปลอดภัยในการคมนาคม เพราะ อ.สะเดา เป็นพื้นที่สำคัญของการเดินทางในช่วงเดือนรอมฎอน
ทั้งนี้ ในการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ ได้มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีสีหน้าสดใสขึ้น ตั้งแต่มีข่าวคลิปการสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ยะลาคุมเข้มรับคณะรองนายกฯลงพื้นที่
บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน ก็ยังคงคุมเข้มทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภายในเขตเทศบาลนครยะลา หวั่นคนร้ายจะก่อเหตุในช่วงนี้ หลังมีกระแสข่าว กลุ่ม BRN จะตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ หลังผู้นำศาสนา เสียชีวิตที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และแกนนำถูกวิสามัญฯ ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
สำหรับวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้รับคำสั่งให้ดูแลพื้นที่เป็นพิเศษ เนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯและคณะ กำหนดที่จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อประชุมรับทราบสถานการณ์ และจะร่วมรับประทานอาหาร หรือ "เปิดปอซอ" กับพี่น้องมุสลิมที่มัสยิดกลางปัตตานี ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันเดียวกัน
ปชป.แนะรัฐโต้บีอาร์เอ็นปัดไทยแรงรอมฎอน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาล ออกแถลงการณ์ตอบโต้กลุ่ม BRN ภายหลังเมื่อวานที่ผ่านมา กลุ่ม BRN ได้แถลงการณ์ประณามไทยว่า ได้ใช้ความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน ดังนั้น รัฐบาล หรือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ต้องประณามการทำงานร่วมกันกับกลุ่ม BRN กลับด้วย ซึ่งหากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า กลุ่มจะยุติความรุนแรงได้ก็ทบทวนการพูดคุยว่า จะเดินหน้า หรือหยุดไว้ก่อน แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่า กลุ่ม BRN จะมีอำนาจเหนือรัฐบาลไทย จะยิ่งทำให้ไทยเสียเปรียบและมองว่า ในอนาคตความรุนแรงจะบานปลายมากขึ้น เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนรอมฎอน กว่า 10 วัน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกว่า 20 ครั้ง นับว่าไม่ได้แตกต่างจากปีที่แล้ว ที่ยังไม่มีการพูดคุยสันติภาพ ทั้งนี้ ยังสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
'ชรินทร์'ไม่สนใจ BRN - 'ทวี'บอกให้อดทน
พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 และหนึ่งในตัวแทนที่พูดคุยเพื่อสันติภาพ ระหว่างตัวแทนรัฐบาล กับ BRN กล่าวถึงกรณีที่ BRN ส่งสัญญาณว่า ไทยเป็นฝ่ายละเมิดสิทธิก่อน ว่า ไม่ควรไปสนใจ เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อเหตการณ์ที่เกิดขึ้น และเบื้องต้น คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามผลเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในช่วงเดือนรอมฎอน พบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาจากเรื่องอื่นมากกว่า โดยเฉพาะกรณีเหตุยิง มีทั้งเรื่องส่วนตัว ยาเสพติด และความขัดแย้ง
ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายอดทนเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ในช่วงเดือนรอมฎอนแล้ว ถือว่าอยู่ระหว่างการเร่งหาข้อเท็จจริง ขอเป็นกำลังใจกับทุกฝ่าย เพื่อสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประชา ย้ำ ฝ่ายไทยไม่ละเมิดข้อตกลง
ที่ศูนย์อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายสิริธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ให้การต้อนรับ
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายงานใหม่จากนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องลงไปพบกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อพูดคุยกัน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนนโยบายนั้น ก็มีนโยบายการปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องที่ยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่นั้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของ สมช. ที่จะต้องมีการพูดคุยกันต่อไปกับกลุ่ม BRN ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยังไม่มีการละเมิดหรือทำผิดแต่อย่างใด ส่วนที่ทาง BRN ทำหนังสือประท้วงไทยนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเราจะทำหนังสือประท้วงไปด้วยหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของ สมช.