จิตแพทย์ดัง ติง รายการทีวีออกอากาศ "หมอบอนด์"
นพ.กัมปนาท จิตแพทย์ชื่อดัง ติงรายการทูไนท์โชว์ ออกอากาศเทปสัมภาษณ์ "หมอบอนด์" หลังสังคมตั้งข้อสงสัยในวุฒิการศึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (23 ก.ค.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) จิตแพทย์ชื่อดัง รพ.สมิติเวช และอดีตวิทยากรรายการชูรักชูรส ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่รายการทูไนท์โชว์ทางช่อง 3 เผยแพร่เทปการสัมภาษณ์ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ หรือ หมอบอนด์ พิธีกรรายการเค้าว่ากันว่า ทางช่อง Workpoint TV และนักเขียนนิตยสารหลายเล่ม ที่สังคมกำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของวุฒิการศึกษา ที่ระบุไว้ในบล็อกและเฟซบุ๊กส่วนตัว หลายรายการ อาทิ (วท.บ.) (พ.บ.) (ศ.ม.) (ศ.ด.) (ปร.ด.) ซึ่งหลังจากตกเป็นข่าวก็มีการลบข้อมูลดังกล่าวออกไป
ข้อความที่ นพ.กัมปนาท โพสต์ มีเนื้อหาดังนี้
ถ้าท่านใดได้ดูรายการทูไนท์โชว์ทางช่อง 3 คืนวันที่ 21 ก.ค. 56 ก็ให้แปลกใจยิ่งนัก ....ความจริงผมก็ไม่ได้ดูช่องนี้มานานมากแล้ว แต่มีคนกำชับว่าต้องดูให้ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับแขกรับเชิญที่มาออกรายการในคืนนี้
ที่แปลกใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าแขกรับเชิญคนนึงในสองคนนั้น มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสเรื่องความถูกต้องในคุณวุฒิการศึกษา ที่สังคมกำลังจับตามองอย่างหนัก รอการพิสูจน์อีกมากมาย แต่รายการประเภทนี้ก็สะท้อนตัวตนของความเป็นสื่อช่องนี้ คือ อะไรเป็นข่าวดัง เรตติ้งดี ไม่ว่าจะถูกผิดก็จะนำมาออกอากาศเสมอ แม้ว่าจะสามารถตัดต่อหรือทำใหม่ได้ (เนื่องจากทราบมาว่ามีการบันทึกเทปมาก่อนล่วงหน้าหลายเดือน พอมีเวลาจัดแจงใหม่ได้ หากอะไรยังไม่เหมาะสมจะนำมาออกอากาศ) แม้ว่าแขกรับเชิญอีกท่านจะน่าสงสาร น่าเห็นใจและเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมก็ตาม แต่เนื่องจากความเกี่ยวพันตรงนี้ การนำเสนอออกมาแบบนี้ ก็ทำให้คนดูยิ่งสับสนและดูเสมือนว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเปิดโอกาสให้แก้ตัวสำหรับบางคนที่สังคมกำลังจับตามองว่าไม่โปร่งใสอยู่
ผมว่าคนทำสื่อส่วนใหญ่คงจะรู้ดีว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ถ้าหากว่าจะพูดถึงจริยธรรมในการนำเสนอ กับค่าใช้จ่ายที่บันทึกรายการไปแล้วนั้น ...เราคงเดาได้ว่าสื่อบางจำพวกจะเลือกอะไร ไม่งั้นเราคงไม่เห็นรายการต่างๆ หรือพิธีกรรายการและแขกรับเชิญต่างๆ ที่สร้างเรื่องราวมากมายให้กับสังคม ว่อนอยู่ในช่องนี้ เต็มไปหมด ....ผมว่าอย่ามาอ้างว่ายังไม่ได้พิสูจน์อะไรก็ยังคงออกอากาศได้เลย ที่ผ่านมาขนาดฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน ก็ยังออกอากาศกันลอยหน้าลอยตาเต็มไปหมด ...นับประสาอะไรกับคณะแพทย์จุฬา และ สสส.ที่มีหนังสือออกมาชี้แจง ปานประหนึ่งว่าสิ่งที่แขกรับเชิญคนนึงในรายนี้ได้กระทำไปและเป็นการแหกตาประชาชนทั้งประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด แต่โดนกลั่นแกล้งจากมือแฮกเกอร์ อะไรทำนองนั้น นี่ยังไม่นับรวมข่าวคราวจากในเว็บที่มีนักสืบตัวยงสืบมาให้ว่า อาจจะมีการปลอมแปลงลายเซ็นต์ของมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ (ซึ่งคงจะต้องไปตามสืบแถวถนนข้าวสารอีกแน่ๆ เพราะมีเยอะเหลือเกิน) .....อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความจริงที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันเดียวกันกับผมนั่นแหละ เท่าที่ทราบมาเขามีข้อมูลเบื้องหลังละครฉากนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถามคนที่นั่น เพื่อนๆ เขาคงจะรู้กันดีครับ
ผมนั่งฟังน้องหมอนั่งพล่ามเรื่องสาเหตุการถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย ก็อดอมยิ้มไม่ได้ว่า นี่เรื่องจริงหรือ เพราะถ้าใครสังเกตดีๆ ก็จะไม่สามารถจับประเด็นได้ว่า ออกเพราะอะไร การอ้างแค่ปัญหาในครอบครัว ไม่เห็นชัดเจนอะไรเลย ...เพราะความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ และในสื่อออนไลน์ก็พูดกันเยอะมากว่าเป็นเรื่องการทำร้ายกัน และแฉกันจนคนอื่นเดือดร้อนอย่างสาหัส
หรือแม้กระทั่งเรื่องแฟนสาวที่อยู่ดีๆ ก็หมดสติไป แต่ก็มิได้บอกสาเหตุและวินิจฉัยโรคที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ประเด็นนี้น่าเห็นใจและเจ้าตัวก็พยายามนำเสนอมายาวนานและเป็นจุดขายของตัวเองมาตลอด ฟังดูยิ่งงงๆ ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น มีการข้ามช็อตของสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อนำไปสู่ประเด็นที่ต้องการคือการดราม่า อวยกันทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญ จนบางทีก็แทบจะทนดูไม่ไหว ...แต่ต้องดูเพราะอยากรู้ 555
ส่วนเรื่องที่บอกว่าลิ้นหัวใจรั่วนั้น ผมว่าถ้ามีหลักฐานเหมือนรูปผมร่วงจากการให้คีโมแบบของน้องสาวมาให้ดูแบบนั้น ยังน่าเชื่อถือซะมากกว่าเสียอีกนะครับ คำพูด(ที่ดู)ดีๆ จนคนปรบมือสนั่นห้องอัดรายการว่า "ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอุทิศเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม" ........แล้วที่เขาต้องมานั่งจับผิดกันทั้งประเทศ ที่องค์กรต่างๆ ออกมาปฏิเสธว่าคุณวุฒิที่คุณแสดงต่อสังคมมันไม่ใช่ของจริง ไม่มีใครรับรองนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนดูรายการหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ มีไว้เพื่อ"แหกตา"ประชาชนหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าคงมีหลายคนภาวนาให้คุณเลือกคำตอบแรก(คือจบชีวิต)มากกว่าคำตอบที่สอง(คือจะสู้ต่อไป) เป็นแน่แท้นะครับ ...ผมว่าคุณพ่อเขาพูดถูกว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นหมอ และคำพูดนี้ คุณพ่อคงได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้เบื้องหลังเขาดีว่าเขาไม่ควรเป็นหมออีกต่อไป ...เพราะอะไรเจ้าตัวคงรู้ดี....ก็น่าแปลกใจที่บางสถาบันยังอุตส่าห์รับเข้าไปเรียนต่อโดยไม่เฉลียวใจ?
ติดตามดูนะครับว่ารายการต่อไปที่จะให้เขามาออก คือรายการอะไร หลายคนคงเดาได้ ...และไม่น่าแปลกใจ เพราะเส้นทางของคนพวกนี้ วิธีการและคำพูดเหล่านี้ หาดูได้ตามท้องตลาด เป็นวิธีการของคน(ที่อยาก)ดังในสังคมไทย เช่น ออกทีวีให้เยอะเข้าไว้ ออกมันทุกรายการ บางคนไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองให้ความรู้ได้ก็จะออก เพราะเกรงว่าตัวตนจะหายไปจากสื่อ เขียนพ็อกเก็ตบุ๊ค เปิดเฟซบุ๊คให้คนกดไลค์เยอะๆ ต่อไปก็สร้างฐานอำนาจ สร้างสาวก(ที่ไร้สติมีแต่อารมณ์ดราม่า ขุ่นมัว ก้าวร้าว หูเบา) ออกรายการตอน 22.00 น.ของบางช่อง ออกรายการของ Mr. W ออกรายการชอง Mr. S (ผู้ฉาวโฉ่เรื่องการคอรัปชั่น) เป็นต้น ....แหม ดูๆไปก็เหมือนนักการเมืองหลายๆ คนแล้วเนี่ย โชคดีที่วงการจิตเวช เขี่ยออกไปเสียก่อน แค่นี้ก็โดนพาดพิงจนอ่วมแล้ว จนจิตแพทย์หลายคนเต้นไปตามๆ กัน เพราะทำให้ภาพลักษณ์วงการเสียหาย ฐานเอาความรู้ทางจิตเวชและจิตวิทยาที่อ้างว่าเชี่ยวชาญ แต่ผิดทั้งเพ มาเที่ยวนำเสนอออกสื่อ (โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต)
จะว่าไปนะ สื่อบางจำพวก ก็เหมาะเจาะกับคนบางจำพวกเสียจริงไรจริง...ก็ได้แต่ภาวนาว่าดราม่าครั้งนี้ คงจะจำกัดวงอยู่ที่เรื่องราว แต่ไม่ปฏิบัติอะไรให้ประชาชนตำดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเดือดร้อนมากมายนะครับ นอกเหนือไปจากเรื่องรำคาญหัวใจและถูกหลอก เท่านั้น ....แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพทยสภาจะว่ากระไรบ้าง บรรดาหมอๆ และประชาชนตาดำๆรอคำตอบจากความขึงขังของท่านคณะกรรมการแพทยสภาอยู่ ...