พีทีทีจีซีแสดงความเสียใจ พร้อมรับผิดชอบกรณีน้ำมันรั่ว

พีทีทีจีซีแสดงความเสียใจ พร้อมรับผิดชอบกรณีน้ำมันรั่ว

พีทีทีจีซีแสดงความเสียใจ พร้อมรับผิดชอบกรณีน้ำมันรั่ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

29 ก.ค. - นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล หรือ พีทีทีจีซี เสียงเครือน้ำตาซึมระหว่างการแถลงข่าว แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วจนกระทบสิ่งแวดล้อม มั่นใจกำจัดคราบน้ำมันชายหายได้ภายใน 3 วัน

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ซีอีโอ พีทีทีจีซี และนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานพีทีทีจีซี ต่างแสดงความเสียใจต่อกรณีท่อน้ำมันรั่วกลางทะเลจนส่งผลกระทบต่อชายฝั่งอ้าวพร่าวเกาะเสม็ด โดยระบุว่า พร้อมยอมรับผิดชอบทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบการ และจะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ซึ่งในส่วนการกำจัดคราบน้ำมันชายฝั่ง จะเร่งดำเนินการคืนสภาพหาดทรายให้ขาวสะอาดดังเดิมภายใน 3 วัน โดยแนวทางได้วางบูมที่หัวและท้ายอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว และให้เรือฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเพิ่มเติมที่ลอยบริเวณหน้าอ่าวขามและอ่าวน้อยหน่า

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ช่วงเช้า เมื่อทราบเหตุทางบริษัทได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเร่งแก้ไขปัญหา สกัดกั้นและกำจัดคราบน้ำมันด้วยสารกำจัดที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสั่งให้เครื่องบินซี 130 จากสิงคโปร์มาช่วยกำจัด จน 22.00 น.วานนี้ คิดว่าทุกอย่างจะจบ แต่ก็พบว่าคราบน้ำมันได้เกิดผลประทบต่ออ่าวพร้าวเกาะเสม็ด ก็ขอยอมรับผิดชอบที่สร้างความสับสน โดยเป็นสิ่งเหนือการคาดคิดขณะนี้ร่วมกับทหารเรือรวม 500 คน เร่งกำจัดคราบน้ำมันโดยเร็ว" นายอนนต์กล่าว

ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นทางพีทีทีจีซีได้ทำประกันภัยบุคคลที่สามไว้ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ พีทีทีจีซีจะหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก โดยยอมรับว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดของบริษัท

ขณะที่ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้ประสานงานกับ นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ลงพื้นที่ จ.ระยอง ในการดูและและสามารถสั่งการพีทีจีซีโดยตรงในการแก้ปัญหา และตนได้สั่งการให้นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ตั้งกรรมการตรวจสอบว่าเหตุการณ์เกิดจากอะไร โดยท่อที่รั่วเป็นท่ออ่อน ท่อเหล็กลอยน้ำรับน้ำมันดิบจากเรือ ปกติอายุทำงานมีเวลา 2 ปี แต่เพิ่งใช้เพียง 1 ปีเศษเท่านั้น อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ของประเทศไทยที่ท่อขนส่งน้ำมันรั่วกลางทะเล

นายวิเชษฐ์ กล่าวว่า หากกระแสลมไม่เปลี่ยนทิศทาง คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน จะจัดเก็บคราบน้ำมันได้หมด หากปล่อยไว้จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนจะต้องไม่เกิดซ้ำอีก แต่ถ้าเกิดขึ้นต้องมีมาตรการแก้ไขอย่างเป็นระบบมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ได้ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปิดพื้นที่ท่องเที่ยวอ่าวพร้าวชั่วคราวจนกว่าจัดเก็บคราบน้ำมันได้แล้วเสร็จ - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook