สธ.ห่วงน้ำมันรั่วสารมะเร็งปนเปื้อนสัตว์ทะเล
กระทรวงสาธารณสุข ห่วงน้ำมันดิบปนเปื้อนอาหารทะเล หลังพบข้อมูลสารก่อมะเร็งเกิน ชาวบ้านอ่าวพร้าว ป่วยแล้ว 4 ราย พร้อมเตือนกลุ่มเสี่ยงป่วย แนะวิธีป้องกัน ประชาชน - สัตว์เลี้ยง ไม่ควรเข้าใกล้แหล่งปนเปื้อน
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันดิบลงในทะเลที่ จ.ระยอง ว่า กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง โดยเฉพาะผลกระทบทางสุขภาพประชาชนจากการสูดกลิ่น หรือสัมผัสกับสารโดยตรง รวมทั้งเฝ้าระวังการปนเปื้อนในอาหาร เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูลรายงาน หลังเกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลของประเทศต่าง ๆ ที่ผ่านมา มีการตรวจพบสารพาห์ (PAH) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ปนเปื้อนในอาหารทะเล สูงกว่าค่าพื้นฐานที่เคยตรวจพบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคได้ ดังนั้น หากมีการเก็บกู้ได้เร็วและดำเนินการถูกวิธี ก็จะลดผลกระทบดังกล่าว
สำหรับในระยะเร่งด่วนนี้ ได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัดระยอง ร่วมประเมินผลกระทบและวางแผนการดำเนินงานในการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ทั้งระยะเร่งด่วนและในระยะยาว ในเบื้องต้นได้รับรายงานมีผู้ป่วยเป็นชาวบ้านอ่าวพร้าว มารับบริการจำนวน 4 ราย มีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ทั้งนี้ หากประเมินแล้วพบว่า มีผลกระทบวงกว้าง ก็อาจพิจารณาจัดเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ออกให้บริการประชาชนให้ทั่วถึง และสั่งการให้เฝ้าระวังการปนเปื้อนอาหารทะเล โดยเก็บตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูการปนเปื้อนสารโลหะหนัก รวมทั้งตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชน
ด้าน นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เหตุการรั่วไหลของน้ำมันดิบลงในทะเลที่ จ.ระยอง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้กู้ภัย กู้สถานการณ์ ที่อาจสัมผัสกับสารปนเปื้อนโดยตรง 2. กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดการปนเปื้อน และ 3. กลุ่มประชาชนผู้บริโภคทั่วไป จะมีความเสี่ยงในเรื่องของการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน จึงขอแนะนำให้ผู้ทำหน้าที่กู้ภัย ควรสวมอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ หน้ากากอนามัยป้องกันการสูดกลิ่น สวมชุดป้องกันที่เหมาะสม เพื่อลดการรับสัมผัสกับสารเคมี ในกลุ่มผู้ที่อาศัยในบริเวณที่เกิดการปนเปื้อน ขอให้หลีกเลี่ยงเข้าไปในบริเวณที่ปนเปื้อน หากมีคราบเปื้อนที่ผิวหนัง ควรล้างทำความสะอาด รวมถึงให้ดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้าใกล้บริเวณที่ปนเปื้อนน้ำมันด้วย
ส่วนผลกระทบของน้ำมันดิบที่รั่วไหล จะมีผลทั้งต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบผิวหนัง หากประชาชนมีอาการผิดปกติ ได้แก่ หายใจขัด แน่นหน้าอก หายใจหอบ วิงเวียนศีรษะ ระคายเคืองตา แสบตา คลื่นไส้อาเจียน ขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพครั้งนี้ จะมีการสำรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ เช่นที่ เกาะเสม็ด เพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง