สุวัตร ฟ้องเอาผิด นพดลหมิ่นคดีเอกยุทธ-ผวาถูกปองร้าย
ทนายสุวัตร ฟ้องศาล เอาผิด 'นพดล ปัทมะ' หมิ่นใช้วิชาชีพ กุเรื่องสร้างความเท็จ ปม คดีอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' จ่อลงบันทึกประจำวัน สน.พหลโยธิน หวั่นโดนปองร้าย ขณะ อัยการ เผย รับสำนวนคดีอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' จาก พงส.แล้ว
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ได้เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดย นายสุวัตร กล่าวว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 - 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายนพดล ได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาทำนองว่า นายสุวัตร ใช้วิชาชีพทนายความกุเรื่อง สร้างความเท็จเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง กรณีเปิดเผยข้อมูลอ้างถึงความสัมพันธ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ นายสมชาย จิตปรีดากร นักธุรกิจ เชื่อมโยงไปกับคดีอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ ซึ่งไม่เป็นความจริงเนื่องจากการนำข้อมูลดังกล่าวออกมาเปิดเผยเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยเป็นการทำหน้าที่ในฐานะทนายความ พร้อมยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ทนายความ ได้ใช้วิชาชีพอย่างถูกต้องและไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาล นายสุวัตร ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.พหลโยธิน เพื่อความปลอดภัย ของตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยถูกปองร้ายจากผู้ไม่หวังดี อย่างไรก็ตาม ศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 21 ตุลาคม นี้
อัยการ เผย รับสำนวนคดีอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' จาก พงส.แล้ว
ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวยอมรับว่า พนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ตนยังไม่เห็นสำนวนคดีดังกล่าว ซึ่งได้มอบหมายให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 พิจารณาสำนวน โดยทางอัยการคงจะพิจารณาสำนวนคดีอย่างละเอียด เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และเชื่อว่า ทางอัยการจะสามารถสั่งคดีได้ตามระยะเวลาฝากขังผู้ต้องหา
ทั้งนี้ หากมีประเด็นที่จะให้สอบสวนเพิ่มเติม ก็จะให้พนักงานสอบสวนรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหากครบกำหนดฝากขังแล้วยังพิจารณาสำนวนไม่เสร็จ จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป และหากอัยการมีคำสั่งก็จะต้องให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ ทนายความ ระบุว่า ผู้ต้องหากลับคำให้การนั้น ก็คงจะต้องดูไปตามข้อเท็จจริงในสำนวน แต่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน ก็ยืนยันว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ให้การอย่างที่ทนายความกล่าวอ้าง ส่วนจะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่นั้น ต้องดูจากพยานหลักฐานเป็นหลัก