สวนสัตว์พาต้ายัน! เลี้ยงสัตว์ดีไม่อดอยาก มีหนูในกรงเป็นเรื่องปกติ
หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับกรณี "สวนสัตว์พาต้า" ที่มีการแชร์ภาพสัตว์ในสวนสัตว์อาศัยอยู่ในสถานที่ที่แออัดคับแคบ ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งมีหนูมาแย่งอาหารสัตว์ จนมีกระแสเรียกร้องให้นำสัตว์ไปมอบให้กับหน่วยงานอื่นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีกว่า เพราะสัตว์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น คิงคอง หรือกอริลลา ต่างมีอาการมีอาการเซื่องซึม และผอมโช
ล่าสุด นสพ.มานพ ประดิษฐ์วงศ์สิน ที่ปรึกษาสวนสัตว์พาต้า เผยถึงกรณีนี้ว่า ลิงกอริลลาที่มีชื่อว่า "บัวน้อย" อยู่ในสวนสัตว์มาเกือบ 20 ปีแล้ว เรียนรู้ที่จะเล่นหูเล่นตากับผู้ชม การเอาคอพาดกรงแล้วมองออกมาด้วยสายตาละห้อย คือพฤติกรรมการอ้อน เรียกร้องความสนใจ พอวิ่งเล่นเหนื่อยก็จะไปนั่งมุมห้อง คนที่พบเห็นอาจไม่เข้าใจและคิดไปว่ามันเซื่องซึม ยอมรับว่าอาจจะมีซึมบ้างตามประสาสัตว์ที่อยู่ในกรงตลอดเวลา แต่การจะหาคู่มาให้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกอริลลามีพฤติกรรมเลือกคู่ ไม่ใช่อยู่กับกอริลลาตัวใดก็ได้ ในส่วนของลิงกอริลลา ทางสวนสัตว์จัดข้าวให้กินวันละ 2 มื้อ เช้าและกลางวัน โดยมีอาหารที่หลากหลาย อยู่ในกรงติดแอร์ มีการติดกระจกกั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากคนสู่สัตว์และจากสัตว์สู่คน มีเครื่องเล่นให้ออกกำลังกาย และมีการทำความสะอาดกรงวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งปฏิกูล ส่วนเรื่องที่มีกระแสในโลกออนไลน์ว่ามีหนูมาแย่งอาหารสัตว์นั้น ก็ยอมรับในสวนสัตว์มีหนู เพราะทุกที่ย่อมมีหนู ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย ร้านอาหาร หรือสวนสัตว์อื่นๆก็มีหนู
ด้าน นายคณิต เสริมศิริมงคล ผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้าเผยว่า กระแสต่อต้านสวนสัตว์พาต้าเกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เข้าใจว่าสัตว์ป่าควรอยู่ในป่า โดยไม่เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์อย่างแท้จริงจึงไปตีความว่าสัตว์อยู่อย่างยากลำบาก เข้าใจว่าคนเหล่านี้รักสัตว์ แต่ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาสวนสัตว์ดูแลสุขอนามัยของสัตว์เต็มที่ เรื่องที่มีหนูมาป้วนเปี้ยนในสวนสัตว์ไม่ใช่เรื่องแปลก มั่นใจว่าสวนสัตว์อื่นก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจะดำเนินการหาวิธีกำจัดให้หมดไป โดยยืนยันว่ากระแสด้านลบไม่ได้มีผลกระทบต่อสวนสัตว์แต่อย่างใด เพราะสวนสัตว์ไม่ได้มีนโยบายแสวงหาผลกำไร ทำขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ก่อตั้ง
ทั้งนี้ นายคณิตยอมรับว่าสถานที่ของสวนสัตว์ไม่เพียงพอต่อปริมาณสัตว์ที่มีมากกว่า 30 ชนิด และเพิ่มขึ้นทุกปีเพราะมีการเพาะพันธุ์สัตว์ด้วย ทางสวนสัตว์คิดว่าจะตั้งสวนสัตว์ให้อยู่ตรงนี้ไปจนกว่าตึกจะหมดสภาพ โดยมีการวางแผนจะเปิดสวนสัตว์ใหม่ เพื่อย้ายสัตว์ไปอยู่ในที่ที่กว้างกว่าเดิม แต่ก็ต้องใช้เวลาดำเนินการ ปัจจุบันมีการแก้ปัญหาความแออัดด้วยการจัดหาที่พักใหม่ในย่านบางกรวย เพื่อให้เป็นอนุบาล เพาะพันธุ์สัตว์ รวมถึงเป็นที่รักษาและพักฟื้นสัตว์ป่วย
นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยว่า ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบว่าสถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อปริมาณสัตว์จริง แต่ทั้งนี้จากการตรวจสอบใบอนุญาตที่จดทะเบียนไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขณะนั้นยังไม่มีประกาศบังคับใช้พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ย้อนหลังได้ จึงทำได้เพียงร้องขอให้สวนสัตว์หาที่อยู่ใหม่ให้กับสัตว์ ถ้าไม่ทำตาม กรมอุทยานจะเพิกถอนใบอนุญาต ที่ทางบริษัทต้องต้องทำสัญญาปีต่อปี คาดว่าในปีนี้ทางสวนสัตว์จะมีความเปลี่ยนแปลง
(ขอบคุณข้อมูลจากรายการ เรื่องเล่าเช้านี้)