ม็อบประจวบเดือดบึ้มนับ 10 ยันไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาม็อบ

ม็อบยางประจวบฯ ปะทะกับตำรวจ ถูกรวบ 2 ราย มีบึ้มนับ 10 ครั้ง ผู้การฯ ประจวบคีรีขันธ์ อ้างถูกปาน้ำกรดเจ็บ

สถานการณ์ที่บริเวณถนนเพชรเกษม ตรงข้ามสถานีบริการประชาชนบ้านธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องราคายาง ที่ยังปักหลักชุมนุม นำยางรถยนต์ปิดเส้นทางการจราจรบนถนนเพชรเกษมจุดดังกล่าว จนทำให้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมผู้ชุมนุมได้ 2 ราย และยึดยางรถยนต์ของชาวสวนยางที่นำมาปิดถนน ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโมโห จนมีการขว้างปาขวดน้ำและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเพียงโล่ที่ใช้กันผู้ชุมนุม โดยไม่มีกระบองหรือแก๊สน้ำตาแต่อย่างใด ขณะที่ การจราจรทั้งขาขึ้นและขาล่อง ติดขัดยาวหลายกิโลเมตร

จากการปะทะกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับเจ้าหน้าตำรวจควบคุมฝูงชนที่บริเวณถนนเพชรเกษม ตรงข้ามสถานีบริการประชาชนบ้านธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน ล่าสุดสถานการณ์เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมกว้างปาหินใส่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเดินเข้าหาแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ต้องถอยร่น ในขณะเดียวกันมีเสียงระเบิดดังขึ้นในฝั่งของผู้ชุมนุมร่วม 10 ครั้ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ อ้างว่าโดนกลุ่มผู้ชุมนุมปาขวดน้ำกรดใส่ โดนบริเวณขาขณะที่ยืนอยู่บนรถกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับบ้าน ทำให้กางเกงขาด จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งก็ได้รับการปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางด้าน พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวยืนยันกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตาในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา อย่างแน่นอน ทุกอย่างทำตามขั้นตอนสากล แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม มีการขว้างปาหินและน้ำกรดใส่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนได้รับบาดเจ็บหลายนาย ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ ยังตึงเครียด เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมกลับมาปิดถนนอีกครั้ง

ทั้งนี้ จากเหตุปะทะกันเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ จากการถูกน้ำกรดสาด
และขว้างปาสิ่งของ จำนวน 9 นาย โดยสามารถจับกุมผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุได้ 10 คน พร้อมทั้งได้ควบคุมตัวแกนนำ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายจำลอง ดีทองอ่อน และ นายเกษม บุญชนะ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน