3ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ข่าวฉาววงการสงฆ์

3ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ข่าวฉาววงการสงฆ์

3ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ข่าวฉาววงการสงฆ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

3 ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาพุทธ ชี้ ข่าวฉาววงการสงฆ์ มีส่วนทำให้สังคมเกิดความหวั่นไหว ย้ำ พุทธศาสนิกชนทุกคนควรร่วมกันปกป้อง ระบุ โลกออนไลน์สามารถช่วยจรรโลงศาสนาได้

พระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉนทวิชโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวในเวทีสัมมนา เรื่อง "ความหวัง ความศรัทธา กับพุทธศาสนายุคไซเบอร์" ซึ่งจัดขึ้นโดยหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม โดยระบุว่า ปัญหาของสงฆ์ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เกิดมานานนับ 10 ปีแล้ว แม้ว่ากระบวนการนำบุคคลเข้าสู่เพศบรรพชิตจะมีเป็นขั้นตอนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากขาดองค์กรที่จะมาพิทักษ์พระพุทธศาสนา ที่ได้เสนอร่างเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

"ถึงวันนี้เราต้องถามกลับว่า บุคคลในสังคมเห็นพระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของสังคม หรือเห็นเป็นส่วนที่แปลกแยกออกไป ซึ่งหากเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่ง ก็จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ โดยมีวิธีการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ" พระครูวินัยธรธีรวิทย์ กล่าว

สำหรับในส่วนของสื่อมวลชนเอง การที่นำภาพหรือนำคลิปของพระสงฆ์ ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม มาเผยแพร่ก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่จะได้ทราบว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แต่สื่อไม่ควรทำแค่เพื่อขายประเด็นหรือเรียกเรทติ้ง แต่ว่าควรจะเล่นข่าวจนจบทั้งกระบวนการ และหาทางออกจนแต่ละกรณียุติลง ไม่เช่นนั้น เรื่องก็จะเงียบหายไป และสื่อเพียงแต่จะรอให้มีเหยื่อรายใหม่เกิดขึ้น ก็จะเล่นข่าวเพื่อเรียกกระแสเท่านั้น

ด้าน นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา บรรณาธิการฝ่ายข่าวเดลินิวส์ทีวี และบรรณาธิการประจำรายการข่าว 5 หน้า 1 ททบ. 5 กล่าวว่า การพิจารณาข่าวของพระสงฆ์ในการนำเสนอออกหน้าสื่อนั้น นอกจากจะดูถึงเรื่องความน่าสนใจของตัวข่าวและเนื้อข่าวแล้ว จะต้องไตร่ตรองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคมด้วย โดยเห็นว่า ศาสนาไม่ใช่เรื่องสนุกที่บุคคลจะนำมาล้อเล่นได้ บุคคลที่ประกาศตัวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยการออกบวชแล้ว ต้องให้ความเคารพ ด้วยการปฏิบัติตามกฎของสงฆ์อย่างซื่อสัตย์ และจะต้องละอายกับการทำความผิด แม้ความผิดเล็กๆ แค่อาบัติ

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการนำเสนอข่าวพระสงฆ์นั้น ยอมรับว่า มีประชาชนโทรมาบริภาษด้วยถ้อยคำที่รุนแรงบ่อยๆ ว่า สื่อมวลชนเป็นตัวทำลายศาสนา โดยเห็นว่า การจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องตามหลักธรรม ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของพระสงฆ์ แต่ว่าบุคคลที่นับถือศาสนาต้องช่วยกันสอดส่อง รู้ทัน และอย่าหลงไปยึดติดกับตัวบุคคล นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ขณะนี้ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่ว่าสงฆ์บางรูปที่ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา แต่กลับปฏิบัติตัวเป็นเจ้าของศาสนาต่างหากที่กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้สงฆ์ส่วนรวมเสื่อมไป

ด้าน พ.ท.ประสม สินทอง หัวหน้าแผนกศาสนพิธี กองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา กล่าวว่า ในปัจจุบันพระสงฆ์มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมาก เนื่องจากปัจจัยด้านสังคมเปลี่ยนถ่ายจากยุคก่อน พระสงฆ์มีการปรับตัว ขณะที่ญาติโยมเอง เมื่อมีความศรัทธาก็ทำบุญด้วยการบริจาคให้ท่านมากๆ และนำสิ่งของที่ไม่เหมาะสมถวายเพื่อบำรุงความสุขให้ท่าน เช่น เครื่องบิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็อาจจะทำให้พระสงฆ์หลงไปกับวัตถุนิยมได้ง่าย

ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนนำภาพหรือคลิปพระสงฆ์มาเผยแพร่ มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ดีสำหรับญาติโยม เพราะจะได้เป็นโอกาสให้ศึกษา และเตือนสติชาวพุทธ ว่า จะต้องมีสติ ใช้ปัญญาไตร่ตรอง และไม่ยึดติดกับตัวบุคคล จึงจะเข้าถึงพระธรรม ส่วนที่ดีสำหรับพระสงฆ์ จะทำให้ท่านได้สำรวมระวังยิ่งขึ้น


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook