สภาสูงUSเตรียมรับรองญัตติตอบโต้ซีเรีย
รัฐบาลซีเรีย พอใจข้อเสนอรัสเซีย ส่งมอบอาวุธเคมีให้กับองค์กรนานาชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสหรัฐโจมตี ขณะที่ วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมโหวตพิจารณารับรองญัตติตอบโต้ซีเรีย 11 ก.ย.
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายวาลิด อัล-มูอัลเลม รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย แถลงว่า เมื่อได้ฟังข้อเสนอของ นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแล้ว รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยินดีอย่างยิ่งกับข้อเสนอโดยเฉพาะในประเด็นให้ซีเรีย ส่งมอบอาวุธเคมีให้กับองค์กรนานาชาติเข้ามาดูแล เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากสหรัฐ ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวให้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อเป็นการลงโทษ ฐานที่ใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนนอกกรุงดามัสกัส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 ศพ แต่รัฐบาลซีเรียปฏิเสธมาโดยตลอด
รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลซีเรียเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้เพราะผู้นำซีเรียมีความเป็นห่วงชีวิตของประชาชนในชาติและความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ และซีเรียก็ชื่นชมความเป็นผู้นำของรัสเซีย เพื่อที่จะหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้อเมริกันโจมตีประชาชนของซีเรีย
ก่อนหน้านี้ นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรีย ส่งมอบการถือครองอาวุธเคมีให้กับองค์กรนานาชาติ ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีจากสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กำหนดข้อปฏิบัติในทันที สำหรับซีเรียให้ทำการขนย้ายอาวุธเคมีกับสารตั้งต้น ไปยังพื้นที่ในประเทศซีเรีย ซึ่งจะต้องปลอดภัยและถูกทำลาย และนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวยินดีกับข้อเสนอนี้เช่นกัน
ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วุฒิสภา หรือ สภาสูงสหรัฐฯ กำหนดวันที่ 11 ก.ย.นี้ เป็นวันโหวตพิจารณารับรองญัตติที่จะให้อำนาจ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ผู้นำของประเทศ ในการใช้กำลังทหารตอบโต้ซีเรียในกรอบเวลาจำกัด จากการที่รัฐบาลซีเรีย ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน เมื่อวันที่ 21 ส.ค.
โดย แฮร์รี่ รีด ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา จากพรรคเดโมเครต ได้กล่าวว่า วุฒิสภาจะลงคะแนนเสียงพิจารณารับรองญัตติการใช้กำลังทหารในซีเรีย ซึ่งกำหนดกรอบเวลาเอาไว้ที่ 60 วัน และอาจขยายเวลาได้อีก 30 วัน แต่จะไม่อนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารภาคพื้นเข้าตอบโต้ซีเรีย และของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งวุฒิสภา จะมีการโหวตรับรองญัตติ ภายในวันที่ 11 ก.ย.นี้