อสส.แจงหลักฐานไม่พอฟันอภิรักษ์โภคินคดีรถดับเพลิง
สำนักอัยการสูงสุด ชี้แจงข้อสงสัย กรณี การส่งฟ้องคดีทุจริตจัดซื้อรถเรือดับเพลิง ชี้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับ 'อภิรักษ์-โภคิน' ยันหาก ปปง.ยึดทรัพย์สามารถทำได้
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง รองอัยการสูงสุด ชี้แจงถึงสาเหตุที่อัยการไม่ได้เป็นผู้ส่งฟ้องในคดีทุจริตจัดซื้อรถเรือดับเพลิง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาไปเมื่อวานที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กลับเป็นโจทก์ฟ้องแทน
ทั้งนี้ นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล โฆษกสำนักอัยการสูงสุด ระบุว่า คดีนี้มีการตั้งคณะทำงานระหว่างอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.ซึ่งคณะทำงานอัยการสูงสุด มีความเห็นว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีกับ นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ,บริษัท สไตเออร์ จำกัด ผู้จัดจำหน่าย และ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร โดยคณะทำงานเห็นว่าพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดี นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร แต่คณะทำงานของ ป.ป.ช. มีความเห็นว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาทุกราย ทาง ป.ป.ช. จึงได้อาศัยอำนาจตามกฎหมาย ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดและต่อมาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาลงโทษและยกฟ้องจำเลยตรงกับที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง
ซึ่ง นายอรรถพล ระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การเสียหน้าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จากนี้ หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จะดำเนินการอายัดทรัพย์ ก็สามารถทำได้ ตามกฎหมายติดตามยึดทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด และส่วนกรณีที่ กทม. ควรนำรถและเรือดับเพลิงออกมาใช้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า หาก กทม.ร้องให้อัยการช่วยพิจารณา อัยการจะหารือในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ นายวินัย เห็นว่า กทม.ควรนำรถและเรือดับเพลิงออกมาใช้ก่อน ตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงไม่นำออกมาใช้