งูดองเหล้าไม่ตาย ฉกได้จริงหรือ

งูดองเหล้าไม่ตาย ฉกได้จริงหรือ

งูดองเหล้าไม่ตาย ฉกได้จริงหรือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำเอาตะลึงกับข่าวสาวจีนเคราะห์ร้ายที่โดนงูฉกหลังจับดองเหล้านานกว่า 3 เดือน ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมงูยังไม่ตายทั้งที่ไม่ได้กินอะไรเลยและถูกขังอยู่ในขวดมีอากาศหายใจได้อย่างไร

งูดองเหล้า มีต้นกำเนิดที่ประเทศเวียดนาม ต่อมาได้แพร่ขยายไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนใต้ของจีน ที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณ แก้ปวดตามไขข้อ รักษาโรคต่าง ๆ และที่สำคัญสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้โดยเฉพาะถ้าได้ดื่มเลือดหรือดีงูสด ๆ จะเพิ่มพลังโด๊ปได้เต็มที่

ซึ่งวิธีการทำงูดองเหล้า จะนำงูพิษ หรือ ไม่มีพิษและจะทำให้ตายหรือเป็นก็ได้ แต่ที่นิยมคือจะใช้งูที่มีพิษ เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยมหรืองูเขียวหางไหม้ และต้องยังไม่ตายเพราะเชื่อว่าพิษงูจะมีสรรพคุณมากกว่า จากนั้นนำมายัดใส่ขวดแล้วเทเหล้ากับยัดสมุนไพรเข้าในขวดแล้วปล่อยทิ้งไว้เพื่อเก็บไว้รับประทาน

ส่วนสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ว่างูที่จับมาดองเหล้ากว่าสามเดือนทำไมถึงฉกได้ ข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้อยู่ที่กระบวนการผลิตนั่นเอง เนื่องจากการทำงูดองเหล้าต้องใช้งูที่ยังไม่ตาย และ อาจจะทำการปิดฝาไม่สนิททำให้อากาศยังสามารถถ่ายเทเข้ามามาในขวดได้

ในเมื่อหายใจได้แต่ไม่มีอาหารทำไมถึงอยู่ได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่างูที่ไม่กินอาหารสามารถอยู่ได้เป็นเดือนโดยการย่อยไขมันที่อยู่ในร่างกาย เปลี่ยนเป็นพลังงาน เนื่องจากมันลดอัตราการเผาผลาญลงได้มากถึง 72%และมันจะไม่ขยับเขยือน ทำตัวนิ่ง ๆ เพื่อรักษาพลังงานเอาไว้ใช้ให้นานที่สุด หรืออีกเหตุผลหนึ่งคืองูที่จับมาทำงูดองเหล้านั้นอาจเพิ่งจะกินเหยื่อมาแล้วไม่นานจึงสามารถอยู่ได้แม้ไม่มีอาหาร

สมมุติฐานทั้งหมดคือหญิงชาวจีนคนนี้อาจนำงูที่เพิ่งกินเหยื่อ ยังไม่ตายมายัดใส่ขวดแล้วเทเหล้าไม่เต็มขวดและปิดฝาขวดไม่สนิท จึงทำให้งูตัวนี้ยังไม่ตายเมื่อเปิดขวดแล้วงูจึงออกมาฉกกัดได้

จากข้อสันนิฐานมาทั้งหมดเป็นเพียงการวิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นไปได้ซึ่งจะมีเหตุผลสร้างความน่าเชื่อเพียงใดนั้นก็คงขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ล่ะบุคคลแล้วล่ะ ว่าจะเชื่อหรือไม่

(อ้างอิงจาก http://animals.pawnation.com, รายการทูไนย์โชว์, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook