'การพุ่งล้ม' สิ่งที่น่ารังเกียจในวงการฟุตบอล

'การพุ่งล้ม' สิ่งที่น่ารังเกียจในวงการฟุตบอล

'การพุ่งล้ม' สิ่งที่น่ารังเกียจในวงการฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน กลับมาพบกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ วันนี้มีประเด็นที่คาใจหลังจากได้เห็นการพุ่งล้มของนักฟุตบอล อยากจะมาถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือให้ได้อ่านกัน...

อดีมีโอกาสได้นั่งชมเกมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในวันเสาร์ที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา คู่ตอนหัวค่ำระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ คริสตัล พาเลซ ผลการแข่งขันคงจะไม่กล่าวถึง เพราะทุกคนคงจะทราบกันไปแล้ว แต่สิ่งที่ดูจะเป็นรอยด่างของเกมก็คือ การพุ่งล้มของ แอชลี่ย์ ยัง จนนำมาซึ่งลูกจุดโทษและประตูแรกของเกม
 
หากใครนั่งชมเกมนั้นอยู่ จะรู้ได้ว่าจังหวะก่อนหน้านั้น แอชลี่ย์ ยัง ก็ได้รับใบเหลืองไปก่อนแล้ว ซึ่งก็มาจากการที่ผู้ตัดสินมองว่าพุ่งล้มนี่แหละ จากภาพช้าเห็นได้ชัดเจนว่า ยัง ตั้งใจวิ่งเข้าไปชนขาของกองหลัง พาเลซ แล้วดีดตัวกระเด้ง แต่ดันทำได้ไม่เนียนพอ หลอกตาผู้ตัดสินไม่ได้
 
เรื่องนี้หากใครจะมองว่าเล็กก็มองได้ แต่ถ้าใครมองว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อวงการฟุตบอลก็มองได้เช่นกัน ส่วนตัวมีความคิดแบบอย่างหลังมากกว่า ไม่ได้เห็นว่าเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วจะมาเขียนตำหนิแต่อย่างใด งานนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคลล้วนๆ
 
ความจริงสไตล์การพุ่งล้มของ ยัง ก็เป็นที่ถูกพูดถึงมานานแล้ว ตั้งแต่ในสมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคุมทีมอยู่ ก้าวผ่านมาถึงช่วงเวลาของ เดวิด มอยส์ เจ้าตัวก็ยังทำแบบที่เคยทำ ขออนุญาตยกความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องบางส่วนมาให้ได้อ่านกัน


 
สตีฟ แพริช ประธานสโมสร คริสตัล พาเลซ กล่าวว่า "ผมคิดว่าผู้ตัดสินทำหน้าที่ได้อย่างกล้าหาญแล้ว เขาตัดสินใจได้เด็ดขาด การให้ใบเหลืองถือเป็นการกระทำที่เด็ดเดี่ยวมาก บางครั้งการเสียบกันจนขาหักซึ่งไม่ได้กระทำโดยเจตนา แต่ผู้เล่นกลับโดนใบแดง ผมว่าการจงใจพุ่งล้มเอาจุดโทษต่างหากที่เลวร้ายกว่า เพราะถือเป็นความพยายามตบตาผู้ตัดสิน โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าการกระทำนี้เลวร้ายกว่าการทำให้เลือดตกยางออกเสียอีก เพราะอย่างหลังไม่ใช่การจงใจทำร้ายคู่ต่อสู้ เป็นเพียงเหตุบังเอิญจากการชิงจังหวะกันเท่านั้น"
 
หรือแม้แต่ตัว เดวิด มอยส์ เองก็ยอมรับอย่างแมนๆว่า ไม่ได้มีความโปรดปรานที่เห็นลูกทีมของตัวเองพุ่งล้มเลยแม้แต่น้อย "ผมไม่ชอบการพุ่งล้มเลย ถ้าเขาพุ่งล้ม เขาก็สมควรได้รับใบเหลืองแล้ว ผมจะคุยเรื่องนี้กับ แอช ผมจะบอกให้เขารู้ว่าผมไม่ต้องการให้เขาทำแบบนี้ จังหวะที่ว่าผู้เล่นของ พาเลซ ไปเกี่ยวขาของเขาล้มนั้น ความจริงแล้วผมคิดว่าเขาเอาขาไปแหย่ใส่ขาของผู้เล่น พาเลซ มากกว่า"
 
นี่คือความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรงทั้งสองฝั่ง โดนส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ การออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ถือเป็นการปรามให้นักเตะคนอื่นได้ยินด้วย ไม่ใช่เฉพาะ ยัง เท่านั้น
 
ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือในวงการฟุตบอลยุโรป หรืออาจรวมถึงในวงการฟุตบอลบ้านเรา ยังคงมีพวกชอบพุ่งอีกมากมายหลายคน ในฐานะแฟนบอล มันก็อยู่ที่ว่าเราอยากจะให้มันเป็นอย่างไร อยากจะดูบอลแบบมีรอยด่างในสนามหรือเปล่า หรืออยากชมเกมที่เป็นไปแบบบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการเล่นละครตบตา แพ้ก็แพ้แบบมีสปิริต ชนะก็ชนะกันด้วยความสามารถ

 


 
บางคนก็อาจมีความเห็นว่า นี่เป็นสเน่ห์ของเรื่องราวในสนาม เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกมการแข่งขัน แต่ผมมองว่าไม่ใช่ นี่มันเป็นการจงใจเล่นนอกกติกาชัดๆ การพุ่งล้มไม่ต่างอะไรกับการไปฟ้องอาจารย์ว่าผมโดนแกล้ง ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนอยากที่จะให้เพื่อนโดนตำหนิ หรือได้รับโทษ มันเป็นเรื่องของน้ำใจนักกีฬาที่ทุกคนควรได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วด้วยซ้ำ
 
ไม่เหมือนกับกรณีที่บอกว่า ลูกข้ามเส้นเข้าไปแล้วหรือยัง มันคนละเรื่อง อันนั้นมันคือความผิดพลาดโดยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ ไม่ใช่การตั้งใจทำผิดพลาดมาจากบ้านหรือมาจากนิสัยของตัวเอง ขนาดผู้ตัดสินบางคนผิดพลาดครั้งเดียวยังได้รับโทษเลย แต่ตัวนักเตะพุ่งล้มแล้วก็ได้แค่ใบเหลือง ถ้าจะเอาให้ยุติธรรมก็ควรจะโดนโทษแบนแบบหนักๆกันบ้าง เชือดไก่ให้ลิงดู
 
อย่าให้เรื่องของความมีน้ำใจนักกีฬาหายไป เพียงเเพราะแค่ต้องการคำว่าชัยชนะ บางครั้งผู้แพ้ในสนามอาจดูสง่างามกว่า และเป็นผู้ชนะตัวจริงจากมุมมองของแฟนบอลก็เป็นได้

เรื่องโดย : "Marek"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook