ศรีสะเกษอ่วมน้ำท่วมอ.ขุนหาญ58หมู่บ้านจม

ศรีสะเกษ อ่วม น้ำท่วม อ.ขุนหาญ 58 หมู่บ้าน เดือดร้อน ถูกน้ำท่วม เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ ด้าน ปภ.สระบุรี สั่งเฝ้าระวัง และหามาตรการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมวัดพระพุทธฉาย ขณะที่ จ.ศรีสะเกษ ฝายกั้นน้ำ ใน อ.ขุนหาร แตกทะลักท่วม 5 หมู่บ้าน

ความคืบหน้าเหตุ ฝายดินกั้นน้ำที่เชิงเขา บ้านห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พัง ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง ในพื้นที่ อ.ขุนหาญ ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น  52 หมู่บ้าน ใน 8 ตำบล โดย 5 ตำบล  อยู่ในภาวะวิกฤติ  มีระดับน้ำสูงประมาณ  80-90 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่กู้ภัย อยู่ระหว่างประสานรถสิบล้อและเรือ จากพื้นที่ใกล้เคียง  เข้าไปอพยพประชาชน ออกมาจากจุดที่มีน้ำท่วมขัง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขัง พบว่า มีการปลูกข้าวกันจำนวนมาก และอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่ขณะนี้เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งทางหน่วยงานราชการอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

 

ปภ.สระบุรี สั่งเฝ้าระวัง วัดพระพุทธฉาย ไม่ให้น้ำท่วม

นางวิมล ไชยวัฒน์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาะรณภัย จ.สระบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สระบุรี ว่า ในพื้นที่ถนนบ้านนา-นครนายก ช่วงก่อนจะออกถนนมิตรภาพ  มีระดับน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจร แต่รถยนต์ยังสามารถสัญจรได้ ซึ่งแขวงการทางและตำรวจจราจร ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ที่จะผ่านในเส้นทางดังกล่าวชะลอตัว

ส่วน ระดับน้ำที่ไหลบ่าลงมาจาก เขาสามหลั่น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ช่วยกันเก็บวัชพืช ที่ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก ออกจากแม่น้ำแล้ว โดยทาง องค์การบริหารส่วนตำบล มีการแจ้งเตือนประชาชน ให้เก็บของขึ้นที่สูง ตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมกันนี้ ได้สั่งเฝ้าระวังหน้าวัดพระฉาย ป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วม ตลอดทั้งคืน

นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ  เกิดปัญหาฝายดินบ้านป่าอ้อ  ซึ่งเป็นฝายที่กั้นน้ำเชิงเขาระหว่าง  ต.ห้วยจันทร์และ ต.กันทอง อ.ขุนหาร  พังถล่มลงมา เนื่องจากรับปริมาณน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาไม่ไหว เนื่องจากมีฝนตกหนักลงมา ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา แม้จะมีการเสริมคันดิน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรับระดับน้ำ จึงพังลงมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลบ่าท่วม 5 หมู่บ้าน ระดับน้ำสูง 30-40 เซนติเมตร  ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว