น้ำท่วมปราจีนอยุธยายังอ่วม-กรมชลยันกทม.ไม่ท่วม
สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี ชาวบ้านออกมาทำงานแม้น้ำจะท่วมสูง50 ซ.ม. - 1 เมตร เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเต็มที่ ขณะที่อธิบดีกรมชลฯ เผย น้ำไม่ท่วม กทม.แน่ ระบุ พร้อมเร่งระบายน้ำเก่ารับมือน้ำใหม่
สถานการณ์น้ำท่วม เขตเทศบาลศรีมหาโพธิ เช้าวันนี้ ประชาชนในพื้นที่ต่างเริ่มออกมาดำเนินชีวิตตามปกติในวันทำงาน และวันเปิดการเรียนการสอน แม้น้ำที่ท่วมสูงจะเป็นอุปสรรคก็ตาม โดยจะใช้รถขนาดใหญ่ รถแทรกเตอร์ และรถจาก ร.2 พัน 2 . รอ. เป็นรถโดยสารชั่วคราว เพื่อคอยรับ-ส่งประชาชน และนักเรียน ที่จะต้องเดินทางไปทำงานในตัวจังหวัดปราจีนบุรีด้วยความทุลักทุเล ขณะที่ปริมาณน้ำที่ท่วมขังยังเพิ่มสูงขึ้น โดยยังคงมีแนวโน้วว่าน้ำจากอำเภอกบินทร์บุรี จะมาเติมอย่างต่อเนื่องส่งผลให้พื้นที่เทศบาลถูกน้ำท่วม เกือบ 100% แล้ว ถนนสายหลักมีน้ำสูงเฉลี่ย 50 เซนติเมตร - 1 เมตร ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
ส่วนสถานที่ราชการ อาทิ สถานีตำรวจภูธรศรีมหาโพธิ ถูกน้ำท่วมขัง ประมาณ 50 เซนติเมตร จึงใช้ ป้อมตำรวจบริเวณแยกโคกขวาง เพื่อบริการประชาชนที่จำเป็นต้องมาเเจ้งความ และบริการในด้านอื่น ๆ ชั่วคราว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่มีการตั้งเต็นท์อำนวนการหลายจุด เพื่อคอยอำนวนความสะดวกให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งในเรื่องของอาหารและน้ำดื่ม รวมไปถึง ยารักษาโรค
อธิบดีกรมชลฯ ยัน น้ำไม่ท่วม กทม.แน่
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในขณะนี้ ว่า ขณะนี้เป็นช่วงของฤดูฝน จึงมีโอกาสที่จะมีฝนตกหนัก ผนวกกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าร่องมรสุมจะพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 25 - 27 ก.ย.2556 นี้ จึงมีโอกาสที่จะมีปริมาณฝนตกหนักทางตอนบนของประเทศอยู่ ทั้งนี้ ในส่วนของการเร่งการดำเนินการนั้น มีมวลน้ำที่ยังค้างอยู่จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเร่งระบายออกสู่ทะเลเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับมวลน้ำที่จะมาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเร่งระบายน้ำเพิ่มที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่ไม่เกิน 2,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ภายในไม่กี่วันนี้ โดยปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยานั้น เริ่มที่จะทรงตัว หากยังไม่มีน้ำใหม่เข้ามาเพิ่มเติม
ด้านความเชื่อมั่นในเหตุการณ์น้ำท่วมของประชาชนใน กทม.นั้น อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันแน่ชัดว่า น้ำจะไม่ท่วมพื้นที่ กทม. อย่างแน่นอน เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นอยู่ในขณะนี้ทั้งในพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่มีอิทธิพลต่อภาคกลางคือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ นั้นมีปริมาณน้ำที่น้อยอยู่ รวมทั้งแม่น้ำสายหลักอย่างแม่น้ำเจ้าพระยาที่ขณะนี้เร่งระบายน้ำที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทั้งที่ความสามารถในการระบายมีมากถึง 2,800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งนั่นก็หมายความว่ายังคงมีช่องว่างในแม่น้ำอยู่ และสามารถรับมือปริมาณน้ำที่อาจจะมีเพิ่มจากการเกิดพายุใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม การเร่งระบายน้ำในขณะนี้จะไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เหมือนเช่นปี 2554 อย่างแน่นอน
กลาง-อีสาน ยังอ่วม-กทม.ห่วงน้ำเหนือทะลัก
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายหลังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ล่าสุด หลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลายและยังคงมีน้ำท่วมขังสูง รวมไปถึง มวลน้ำได้แผ่ขยายเข้าท่วมเต็มพื้นที่ อาทิ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี // อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี // อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว // อำเภอขุนหาญ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ // อําเภอเสนา อําเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า มวลน้ำเหนือได้ไหลลงมาตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ สู้แม่น้ำเจ้าพระยา สมทบกับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบให้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง อาทิ อ่างทอง ปทุมธานี มีน้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างแล้ว ขณะที่ทางกรุงเทพมหานคร ก็ได้มีการสั่งจับตาพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่ามวลน้ำเหนือที่ไหลลงมานั้น จะทะลักเข้าท่วมพื้นที่ต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย