ปทุมธานีหวั่นทะเลหนุนทำเมืองจมสั่งระวัง24ชม.

ปทุมธานีหวั่นทะเลหนุนทำเมืองจมสั่งระวัง24ชม.

ปทุมธานีหวั่นทะเลหนุนทำเมืองจมสั่งระวัง24ชม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อเมืองปทุมธานี หวั่นทะเลหนุน ทำเมืองจม สั่งเฝ้าระวัง 24 ช.ม. เชื่อคุมสถานการณ์ได้ คันกันน้ำระดับ3เมตร ขณะ แม่น้ำท่าจีน เอ่อท่วมวัดและบ้านเรือนริมตลิ่ง พื้นที่การเกษตรจมกว่า 1 พันไร่ จ่อทะลักท่วมตลาด 100ปี บางหลวง - ประจันตคาม อ่วม น้ำกบินทร์ทะลัก ร.พ.ปิดให้บริการ

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ว่า ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง 2 ฝั่ง ใน 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ อ.สามโคก บางพื้นที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้ติดตาม และให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง และทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ทำทางเดิน พร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภค เวชภัณฑ์ แจกประชาชนที่ประสบอุทกภัยทุกวัน ส่วนในพื้นที่ในแนวคันกั้นน้ำ นั้นได้สั่งการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพราะในช่วงนี้ จนถึงวันที่ 12 ตุลาคม จะมีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะส่งผลให้การระบายน้ำลงสู่ทะเล ได้ยากกว่าปกติ ดังนั้น จึงจะต้องเฝ้าระวัง และมีการแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า สถานการณ์ยังควบคุมได้ เพราะคันกั้นน้ำยังรับได้ ในระดับ 3 เมตร

 

ท่าจีนเอ่อท่วมวัดริมตลิ่งจ่อทะลักเข้าตลาด100ปี

สถานการณ์น้ำที่ จ.นครปฐม ปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่วัดชุมนุมศรัทธา อ.บางเลน จ.นครปฐม พระลูกวัดและชาวบ้านต้องนำเครื่องสูบน้ำมาตั้ง เพื่อเร่งระบายน้ำที่ทะลักเข้าท่วมพื้นที่ภายในวัดออก ขณะที่ ม.5 ต.บางไทรป่า อ.บางเลน ซึ่งเป็นหมู่บ้านกว่า 20 ครอบครัว พื้นที่ติดแม่น้ำท่าจีน ก็ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะในเวลาเข้าออก ส่วนพื้นที่ด้านการเกษตร แปลงนาข้าวก็พบว่า มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมกว่า 1,000 ไร่ และยังพบว่าที่ตลาดเก่าอายุกว่า 100 ปี หรือ ตลาดบางหลวง ร.ศ.122 เป็นตลาดเก่าแก่ติดแม่น้ำท่าจีน ขณะนี้กำลังเสี่ยงต่อการถูกน้ำทะลักเข้าท่วมแล้วโดยผิวน้ำได้เอ่อจ่อพื้นตัวตลาดเหลือเพียงแค่ 15 ซ.ม.

ด้าน นายกฤษณ์ จินตะเวช นายอำเภอบางเลน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งกรอกกระสอบทราย นำไปวางเป็นทำแนวกั้นน้ำโดยรอบตลาดบางหลวง เพื่อเตรียมป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมตัวตลาด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.นครปฐม ขณะที่พื้นที่หมู่บ้านรอบๆ ตลาดบางหลวงบางส่วน ที่ถูกน้ำท่วมขังมาหลายวัน ขณะนี้น้ำได้เริ่มเน่าเหม็นอย่างหนักแล้ว

 

ชาวบ้านรอบนิคมอมตะร้องให้เปิดทางน้ำ

ภายหลังจากที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ได้ทำคันดินกั้นขวางเพื่อไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่นิคมและไปกระทบกับโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ภายในนั้น เริ่มส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่อยู่รอบพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะที่ หมู่ที่ 5 ต.หนองกะขะ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ชาวบ้านต้องอาศัยรถไถในการเดินทางไปมาหาสู่กับโลกภายนอก ทั้งนี้ เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมขังอยู่ในหมู่บ้านสูงอยู่ อีกทั้งน้ำที่ขังในพื้นที่เริ่มส่งกลิ่นเน่าเสีย ทั้งนี้ เพราะใน ต.หนองกะขะ มีฟาร์มเลี้ยงหมู หลายแห่ง น้ำจากขี้หมูเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ชาวบ้านต้องการให้นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร หาทางแก้ไขและเร่งระบายทั้งหมดออกจากพื้นที่โดยเร็ว

ด้าน นายพราหมณ์ สืบญาติ อบต.หนองกะขะ เปิดเผยว่า สาเหตุที่การระบายน้ำช้า เพราะนิคมอุตสาหกรรมกำลังเร่งดำเนินการปรับแต่งพื้นที่ เพื่อทำเป็นนิคมอุตสาหกรรมเฟส 10 และพื้นที่ดังกล่าวแต่เดิมเป็นเส้นทางน้ำธรรมชาติ แต่ปัจจุบันมีคันกั้นน้ำอยู่ หากนิคมอมตะนคร ยินยอมที่จะเปิดคันดินให้น้ำผ่านไปชั่วคราวซึ่งหากต้องการแก้แบบถาวรความจะมีการสร้างทางน้ำธรรมชาติ คู่ขนานไปกับเฟส 10 ที่กำลังอยู่ระหว่างการจะดำเนินการก่อสร้าง ขณะที่ระดับน้ำบางส่วนเริ่มที่ลดล ถ้าหากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ อ.พานทอง อ.พนัสนิคม ซ้ำเติม สถานการณ์น้ำท่วมจะดีขึ้นตามลำดับ

 

กรอ. ลงพื้นที่ดูนิคมปราจีนฯ ห่วงน้ำขึ้นเร็ว

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันนี้จะลงพื้นที่พร้อมคณะผู้บริหาร เพื่อตรวจเยี่ยมการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยของผู้ประกอบกิจการสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค อ.ศรีมหาโพธิ และสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพราะมีความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณถนนทางเข้า - ออก หน้าสวนอุตสาหกรรม 304 เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ระดับน้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมือ เนื่องจากขณะนี้ มีปริมาณของมวลน้ำที่ไหลจาก จ.สระแก้ว เข้ามาสมทบกับปริมาณมวลน้ำเดิมที่มีอยู่

 

ศภช. เตือน ปชช.ระวังน้ำล้นตลิ่ง-น้ำท่วมขัง

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือน เรื่องระวังภัยน้ำตลิ่ง และน้ำท่วม ในวันที่ 10 ตุลาคม 25566 รายงานสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย บริเวณ อำเภอเมือง อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอประจันตคาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอราชสาส์น อำเภอพนมสารคาม อำเภอบางคล้า และ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยดังกล่าวระมัดระวัง

 

มท.1ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมช่วยเหลือปชช.ชัยภูมิ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณเทือกเขา
พังเหย และเทือกเขาภูเขียว ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำชี ที่ไหลผ่าน จ.ชัยภูมิ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 16 อำเภอ ราษฎรเดือดร้อน 105,075 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบ 501,475 ไร่ ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 9 อำเภอ ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 7 อำเภอ ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลง โดย นายกรัฐมนตรี มีความห่วสงใยผู้ประสบภัย จึงได้สั่งการให้ลงพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ตรวจเยี่ยมติดตาม และอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ละหาน อ.จัตุรัส ต.บ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ส่วนในพื้นที่ ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วนั้น ให้จังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ประเมินความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อรวบรวมจัดทำฐานข้อมูลการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ครบคลัมทุกด้าน สอดคล้องกับสภาพเสียหายจริง และเป็นไปตามขั้นตอนหลักเกณฑ์ของระเบียบกระทรวงการคลัง

 

ประจันตคามอ่วมน้ำทะลัก ร.พ.ปิดให้บริการ

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่ อ.ประจันตคาม เริ่มน่าเป็นห่วง ภายหลังสายน้ำ ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี แตก 2 จุด ทำให้น้ำทะลักลงสู่พื้นที่และเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่โรงพยาบาลต้องปิดทำการโดยสิ้นเชิง บุคลากรโรงพยาบาลประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร ร.12 พัน 3 รอ. ระดมกำลังช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉินออกไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจันตคาม เนื่องจากไม่สามารถให้บริการได้ ภายหลังกลางดึกคืนที่ผ่านมาระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประจันตคาม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว และหลังจากนั้น ก็ให้บริการแต่ผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่เนื่องจากน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องปิดให้บริการชั่วคราว ซึ่งผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจันตคาม อย่างไรก็ตาม อ.ประจันตคาม, อ.ศรีมหาโพธิ และ อ.เมือง เป็นพื้นที่รับน้ำต่อมาจาก อ.กบินทร์บุรี จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์น้ำอาจมีความรุนแรงมากขึ้น


 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook