กกต.บอลไทย ยัน องอาจ ไม่ใช่เลขาฯ
กรรมการเลือกตั้งสมาคมฟุตบอลยืนยัน 'องอาจ' ไม่ใช่เลขาฯ เตือนอย่าสร้างความสับสน อาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน จี้ทุกสโมสรส่งใบแต่งตั้งคนลงคะแนนภายใน 14 ต.ค.
ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ล่าสุด นายชนินทร์ แก่นหิรัญ กรรมการการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ (กกต.) ได้เปิดแถลงข่าว ที่สโมสรทหารบก ชี้แจงถึงปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า การที่ นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ อ้างว่า ตัวเองเป็นเลขาธิการ กกต. โดยตำแหน่งตามกฎข้อบังคับของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และมีอำนาจในการออกใบแต่งตั้ง หรือดำเนินการบริหารการเลือกตั้งนั้น ถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากการส่งอีเมล์ไปสอบถาม ฟีฟ่า มร.เจอโรม วัลค์เก เลขาธิการทั่วไปของฟีฟ่า ได้ตอบกลับมาว่า ในข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งของฟีฟ่า ได้ระบุไว้เพิ่มเติมว่า เลขาธิการประจำ กกต. ต้องไม่เป็นสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ และไม่เป็นผู้สมัครในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในการเลือกตั้ง แต่ นายองอาจ เป็นทั้งสภากรรมการ และเป็นทั้งผู้สมัครในตำแหน่งกรรมการบริหาร จึงถือว่าไม่ถูกต้อง
พร้อมกันนี้ นายชนินทร์ ได้เรียกร้องให้ นายองอาจ ยุติบทบาทหน้าที่ในตำแหน่ง เลขาธิการ กกต. เพราะถือว่าเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน ผิดกฎฟีฟ่า และยังทำให้เกิดความสับสน จึงอยากให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต.อย่างเคร่งครัด
ส่วนกณีหนังสือที่ นายองอาจ ส่งให้สโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง นั้น กกต.ก็ได้ออกหนังสือแล้วเช่นกัน แต่ฉบับของ กกต. จะมีรายละเอียดมากกว่าแต่ทั้งสองแบบ สามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่ผู้ที่จะแต่งตั้งผู้มาลงคะแนนเลือกตั้งนั้นจะต้องแนบหลักฐานมากับหนังสืออย่างครบถ้วน ประกอบด้วย ใบแต่งตั้ง (ฉบับของ กกต.หรือของสมาคม), หนังสือรับรองนิติบุคคล, สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมการเซ็นรับรองสำเนา และ 3 สำเนาบัตรประชาชนของประธานสโมสร และสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง พร้อมการเซ็นรับรองสำเนา อีกทั้งผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องเป็นสมาชิก หรือมีความเกี่ยวข้องกับสโมสรนั้นๆ โดย กกต.จะยึดใบแต่งตั้งของ กกต.เป็นหลัก
นายชนินทร์ ยังกล่าวด้วยว่า อยากให้สโมสรต่างๆ แต่งตั้งคนมาทำหน้าที่ลงคะแนนให้เรียบร้อยภายในกำหนดเวลา 14 ต.ค.นี้ หรือทีมใดจะแก้ไข บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ ก็ให้ดำเนินการให้เสร็จในวันเดียวกัน หากเกินกำหนดเวลา จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายชื่อไม่ได้อีก
ทั้งนี้ ยังมี 12 สโมสร ประกอบด้วย ชลบุรี เอฟซี, ชัยนาท เอฟซี, สงขลา ยูไนเต็ด, อาร์มี่ ยูไนเต็ด, ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี, จันทบุรี เอฟซี, ประจวบ เอฟซี, อ่างทอง เอฟซี, พัทลุง เอฟซี, สโมสรจังหวัดระยอง (ถ้วย ข), พัทยา เอฟซี (ถ้วย ค) และเทศบาลตำบลเขาบายศรี (ถ้วย ง) ยังไม่ส่งหนังสือยืนยันการแต่งตั้งผู้มีสิทธิลงคะแนนมา